บอร์ดอีวี เคาะมาตรการหนุนใช้รถบัส - รถบรรทุกอีวี ดันไทยเป็นศูนย์กลางอีวี

   เมื่อ : 22 ก.พ. 2567

ขยายผลที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายยานยนต์ไฟฟ้าแห่งชาติ (บอร์ดอีวี) เห็นชอบเพิ่มมาตรการสนับสนุนการใช้ยานยนต์ไฟฟ้าใหม่อีก 2 มาตรการดึงดูดนักลงทุนใช้เทคโนโลยีขั้นสูงมาตั้งฐานการผลิตในประเทศไทย

​            บอร์ดอีวี เห็นชอบมาตรการสนับสนุนการใช้ยานยนต์ไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ขนาดใหญ่ ทั้งรถโดยสารไฟฟ้า (E-Bus) และรถบรรทุกไฟฟ้า (E-Truck) เพื่อสนับสนุนภาคธุรกิจในการลดการปล่อยคาร์บอน ช่วยให้ประเทศไทยบรรลุเป้าหมายความเป็นกลางทางคาร์บอน โดยมาตรการดังกล่าวจะอนุญาตให้บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคล สามารถหักค่าใช้จ่ายในการคำนวณภาษีเงินได้นิติบุคคล สำหรับการซื้อรถโดยสารไฟฟ้าและรถบรรทุกไฟฟ้ามาใช้งาน โดยไม่กำหนดเพดานราคาขั้นสูง

• กรณีซื้อรถที่ผลิต/ประกอบในประเทศ สามารถนำมาหักค่าใช้จ่ายได้ 2 เท่า

• กรณีนำเข้ารถสำเร็จรูปจากต่างประเทศ สามารถหักค่าใช้จ่ายได้ 1.5 เท่า

• มาตรการนี้จะมีผลใช้บังคับจนถึงสิ้นปี 2568 และมอบหมายให้กระทรวงการคลัง โดยกรมสรรพากร พิจารณากำหนดแนวทางปฏิบัติและดำเนินการตามขั้นตอนต่อไป

คาดว่ามาตรการนี้จะช่วยเร่งให้เกิดการปรับเปลี่ยนรถยนต์เชิงพาณิชย์ขนาดใหญ่ไปสู่ยานยนต์ไฟฟ้าได้ไม่ต่ำกว่า 10,000 คัน ช่วยลดการปล่อยมลภาวะในภาคการขนส่ง และตอกย้ำการเป็นศูนย์กลางอีวีของภูมิภาคในรถยนต์ทุกประเภท

เห็นชอบมาตรการส่งเสริมการลงทุนผลิตแบตเตอรี่

​            เพื่อดึงดูดให้ผู้ผลิตแบตเตอรี่ระดับเซลล์ ซึ่งเป็นการผลิตต้นน้ำที่ใช้เทคโนโลยีขั้นสูงเข้ามาลงทุนในประเทศไทย โดยผู้ลงทุนจะสามารถขอรับสิทธิประโยชน์และเงินสนับสนุนจากกองทุนเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศฯ ภายใต้บีโอไอ โดยมีเงื่อนไขเบื้องต้นสำหรับผู้ลงทุน ดังนี้

1. ต้องเป็นผู้ผลิตแบตเตอรี่ชั้นนำที่มีการใช้งานโดยผู้ผลิตยานยนต์ไฟฟ้า

2. ต้องมีแผนการผลิตเซลล์แบตเตอรี่สำหรับยานยนต์ไฟฟ้า โดยสามารถผลิตเซลล์แบตเตอรี่สำหรับระบบกักเก็บพลังงาน (ESS) ด้วยได้

3. ต้องผลิตเซลล์แบตเตอรี่ที่มีค่าพลังงานจำเพาะ ไม่น้อยกว่า 150 Wh/Kg

4. ต้องมีจำนวนรอบการอัดประจุ (Life Cycle) ไม่น้อยกว่า 1,000 รอบ โดยกำหนดเวลายื่นข้อเสนอโครงการลงทุนภายในปี พ. ศ. 2570

ข้อดี ’ยานยนต์ไฟฟ้า’ (EV) หนึ่งทางเลือกสำหรับคนยุคใหม่

​            กระทรวงพลังงานเปิดข้อดี ‘ยานยนต์ไฟฟ้า’ (EV) เพื่อเพิ่มทางเลือกในการใช้พลังงาน ลดการพึ่งพาน้ำมันเชื้อเพลิงที่มาจากฟอสซิล และลดผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมตามแผนอนุรักษ์พลังงาน จึงได้ส่งเสริมยานยนต์ไฟฟ้า หรือ EV (Electric Vehicle) ซึ่งเป็นรถยนต์ที่ขับเคลื่อนโดยมอเตอร์ที่ใช้พลังงานไฟฟ้า

• ลดมลพิษในอากาศ เพราะรถ EV ขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์ไฟฟ้า 100% ไม่มีการเผาไหม้ของเครื่องยนต์ ไม่ทำให้เกิดควัน ไม่เกิดไอเสียและมลภาวะทางอากาศ ที่นำไปสู่ภาวะโลกร้อน ตอบโจทย์กับคนยุคใหม่ที่ใส่ใจสิ่งแวดล้อม

• ลดค่าใช้จ่ายจากการเติมน้ำมัน เชื้อเพลิงที่ใช้อยู่ในปัจจุบันมีราคาค่อนข้างสูงและผันผวน แต่เมื่อเทียบอัตราการใช้งานกับรถ EV นั้นมีความแตกต่างกันอย่างมาก สำหรับรถ EV นั้นอัตราการชาร์จไฟที่ดูเหมือนจะถูกลง แต่การใช้น้ำมันกลับสูงขึ้นเรื่อย ๆ

• ลดค่าใช้จ่ายการซ่อมบำรุง รถ EV มีชิ้นส่วนกลไกในการขับเคลื่อนน้อยกว่ารถน้ำมัน ทำให้ค่าซ่อมบำรุงนั้นมีราคาที่ถูกกว่า

• ความเงียบของเครื่องยนต์ รถ EV ใช้พลังงานไฟฟ้าจากแบตเตอรี่สู่มอเตอร์เพื่อทำการขับเคลื่อน โดยที่ไม่ได้ใช้เครื่องยนต์สันดาป ภายในจึงไม่ก่อให้เกิดการเผาไหม้ ทำให้เสียงของการทำงานของรถยนต์ไฟฟ้านั้นเงียบกว่ารถยนต์ที่ใช้น้ำมันเชื้อเพลิงหลายเท่า.

Cr.กรมประชาสัมพันธ์