จัดงบ 80 ล้าน ก.แรงงาน ปล่อยกู้ดอกเบี้ยต่ำเพื่อผู้ใช้แรงงานลูกจ้าง ช่วยปลดหนี้ พัฒนารายได้
นายภูมิพัฒน์ เหมือนจันทร์ โฆษกกระทรวงแรงงาน เปิดเผยว่า กระทรวงแรงงานจัดเตรียมงบประมาณกองทุนเพื่อผู้ใช้แรงงาน 80 ล้านบาท เพื่อเป็นเงินทุนให้ผู้ใช้แรงงานหรือลูกจ้างได้กู้ยืม มีรายได้หรือใช้ปลดเปลื้องหนี้สินจากการกู้ยืมเงินนอกระบบ โดยเฉพาะผู้ที่ไม่สามารถหาหลักทรัพย์ค้ำประกันการกู้ยืมเงินจากธนาคารพาณิชย์ทั่วไปได้ ภายใต้โครงการเงินกู้กองทุนเพื่อผู้ใช้แรงงาน Micro Finance ลดหนี้ เติมทุน สร้างสุขแรงงาน ซึ่งเป็นไปตามนโยบายของ นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ที่ต้องการดูแลผู้ใช้แรงงานและครอบครัวให้มีความมั่นคงทางเศรษฐกิจและมีคุณภาพชีวิตที่ดี
สำหรับผู้ใช้แรงงานหรือลูกจ้างที่ประสงค์จะขอกู้ให้ติดต่อที่สหกรณ์ออมทรัพย์หรือเครดิตยูเนี่ยนในสถานประกอบกิจการหรือรัฐวิสาหกิจที่ตนเป็นสมาชิก โดยเงินกู้ระยะสั้นกรณีปกติ อัตราดอกเบี้ย 2.75% ต่อปี กำหนดชำระคืนไม่เกิน 1 ปี เงินกู้ระยะยาวกรณีปกติ อัตราดอกเบี้ย 3% ต่อปี กำหนดชำระคืน 1 – 5 ปี นอกจากนี้ยังมีเงินกู้เพื่อบรรเทาผลกระทบจากภัยธรรมชาติ อัตราดอกเบี้ย 2% ต่อปี และเงินกู้สร้างสุข ปลดทุกข์หนี้นอกระบบ อัตราดอกเบี้ย 0.5 – 1.5% ต่อปี และพิเศษดอกเบี้ย 0% ในช่วง 3 เดือนแรกสำหรับสหกรณ์ที่ไม่เคยใช้บริการมาก่อน ทั้งนี้ตั้งแต่เดือน ต.ค.2566 - มี.ค.2567 มีสหกรณ์ที่ได้รับเงินกู้จากกองทุนผู้ใช้แรงงานไปแล้ว 2 แห่ง ได้แก่ สหกรณ์ออมทรัพย์เจ้าหน้าที่สหกรณ์นครสวรรค์ จำกัด เป็นเงิน 3 ล้านบาท และสหกรณ์ออมทรัพย์พนักงานสหกรณ์การเกษตรสันป่าตอง จำกัด เป็นเงิน 2.8 ล้านบาท และอยู่ระหว่างยื่นคำขอกู้อีก 3 แห่ง
โฆษกกระทรวงแรงงาน กล่าวว่า นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน กำชับให้กรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงานทำงานเชิงรุก เพื่อให้ผู้ใช้แรงงาน ลูกจ้าง สหกรณ์ออมทรัพย์ หรือเครดิตยูเนี่ยนในสถานประกอบกิจการและรัฐวิสาหกิจได้รับทราบข้อมูลและเข้าถึงแหล่งเงินทุน ซึ่งในปีงบประมาณ 2567 มีวงเงินกู้ถึง 80 ล้านบาท โดยกองทุนเพื่อผู้ใช้แรงงานนี้เป็นทุนหมุนเวียนในการพัฒนารายได้ การออมทรัพย์ และปลดเปลื้องหนี้สินของผู้ใช้แรงงานผ่านสหกรณ์ออมทรัพย์ สำหรับสหกรณ์หรือเครดิตยูเนี่ยนที่ต้องการกู้เงินสามารถยื่นขอกู้ผ่านระบบ e-Service ของกองทุนฯ https://labourfund.labour.go.th หรือติดต่อสอบถามได้ที่ สายด่วน 1506 กด 3 หรือ 1546 และ 0 2660 2180 – 1
Cr.กระทรวงแรงงาน