จ.อุบลฯ ร่วมกับภาครัฐ เอกชน และประชาชน จัดพิธีบวงสรวง สดุดีวีรกรรมเจ้าคำผง ผู้ก่อสร้างเมืองอุบลราชธานี ประจำปี 2566
10 พฤศจิกายน 2566 นายศุภศิษย์ กอเจริญยศ ผู้ว่าราชการจังหวัดอุบลราชธานี ผู้ช่วยศาสตราจารย์จุรีรัตน์ กอเจริญยศ นายกเหล่ากาชาดจังหวัดอุบลราชธานี ร่วมกับส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ มูลนิธิเจ้าคำผง และประชาชนชาวจังหวัดอุบลราชธานี ประกอบพิธีบวงสรวงสดุดีวีรกรรมพระประทุมวรราชสุริยวงษ์ (เจ้าคำผง) เพื่อแสดงความกตัญญูต่อบรรพบุรุษ และเผยแพร่เกียรติคุณของพระประทุมวรราชสุริยวงษ์ (เจ้าคำผง) ผู้ก่อตั้งเมืองอุบลราชธานี
โดยมีการอัญเชิญเครื่องยศเจ้าเมืองตามแบบโบราณ จากวัดหลวงมายังอนุสาวรีย์พระประทุมวรราชสุริยวงษ์ (เจ้าคำผง) ภายในมณฑลพิธีสนามทุ่งศรีเมือง เพื่อประกอบพิธีบวงสรวง สักการะสดุดีวีรกรรม วางขันหมากเบ็ง ผูกผ้าแพร และการร้องหมอลำเล่าเรื่องการตั้งเมืองในอดีต โดยศิลปินแห่งชาติชาวจังหวัดอุบลราชธานี ป.ฉลาดน้อย หรือนายฉลาด ส่งเสริม และการแสดงรำถวายมือของหัวหน้าส่วนราชการในจังหวัด ร่วมกับประชาชน นักเรียน นักศึกษา ชาวเมืองอุบลราชธานี
สำหรับพระประทุมวราชสุริยวงศ์ (เจ้าคำผง) เป็นบุตรของพระเจ้าตา และนางบุศดี เกิดเมื่อปี พ.ศ. 2252 ที่นครเวียงจันทน์ เป็นหลานปู่เจ้าปางคำ ราชวงศ์เชียงรุ้ง ได้อพยพมาสร้างเมืองหนองบัวลุ่มภู (จังหวัดหนองบัวลำภู) หรือนครเขื่อนขันธ์กาบแก้วบัวบาน ต่อมาเจ้าคำผงได้เสกสมรสกับเจ้านางตุ่ย ธิดาอุปราช (ธรรมเทโว) อนุชาของพระเจ้าองค์หลวง (ไชยกุมาร) เจ้านครจำปาสัก และได้รับแต่งตั้งเป็นพระประทุมสุรราช เมื่อปี พ.ศ.2323 คุมไพร่พล อยู่ที่บ้านดู่ บ้านแก ขึ้นกับนครจำปาสัก ต่อมาในปี พ.ศ.2329 ได้ย้ายครอบครัวและไพร่พลจากบ้านดู่ บ้านแก มาตั้งบ้านเมืองใหม่ที่ตำบลห้วยแจระแม อ.เมืองอุบลราชธานี ตามพระบรมราชานุญาตของพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก และตั้งชื่อเมืองนี้ว่า “เมืองอุบล”
ด้านการสงคราม พระประทุมสุรราช (เจ้าคำผง) นับเป็นทหารเอกในพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก ช่วยเหลือการสงครามระหว่างไทยกับหัวเมืองประเทศราชและปราบปรามความไม่สงบที่เกิดขึ้นในหัวเมืองต่างๆ หลายครั้ง โดยเฉพาะหลังกบฏอ้ายเซียงแก้วถูกปราบปรามจนราบคาบ ปี พ.ศ. 2334 พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก จึงโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งให้เป็นพระประทุมวรราชสุริยวงษ์ และยกฐานะเมืองอุบล เป็น “เมืองอุบลราชธานี ศรีวนาลัย ประเทศราช” โดยพระประทุมวรราชสุริยวงษ์ ได้ขึ้นครองเมืองอุบลราชธานี ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2321 จนถึงปี พ.ศ. 2338 และถึงแก่พิราลัยเมื่อวันที่ 10 พฤศจิกายน พ.ศ. 2338 สิริรวมอายุได้ 85 ปี.