ครม.มีมติเพิ่มเงินเยียวยาจากเดิม 9,000 บาท ให้พื้นที่น้ำท่วมขังนาน แบบขั้นบันได 1-2 เดือนได้เพิ่ม 5,000 บ. สูงสุด 4 เดือนขึ้นไป 20,000 บ.
รัฐบาลเดินหน้าให้ความช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากอุทกภัยในช่วงฤดูฝน ปี 2568 อย่างต่อเนื่อง หลังสถานการณ์น้ำท่วมขังในหลายพื้นที่สร้างความเสียหายต่อชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนจำนวนมาก โดยคณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติอนุมัติ 2 มาตรการช่วยเหลือหลัก เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนอย่างเร่งด่วน
1) จ่ายเงินแบบ “เหมาจ่าย” ครัวเรือนละ 9,000 บาท (มติ ครม. วันที่ 21 ตุลาคม 2568)
ครม. เห็นชอบจ่ายเงินช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยในช่วงฤดูฝน ปี 2568 แบบเหมาจ่าย ครัวเรือนละ 9,000 บาท จำนวน 685,554 ครัวเรือน ในพื้นที่ 65 จังหวัด รวมงบประมาณ 6,169,986,000 บาท จากงบกลางปี 2569 (เงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น) โดยให้ กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) เป็นหน่วยงานรับผิดชอบการจ่ายเงินผ่าน ธนาคารออมสิน ซึ่งขณะนี้ได้โอนเงินเยียวยาแล้ว 2,600.505 ล้านบาท (42.18%) และยังเหลือวงเงินอีก 3,569.481 ล้านบาท (57.82%) ที่จะจ่ายต่อเนื่องไปจนถึง 21 พฤศจิกายน 2568
2) จ่ายเงินแบบ “ขั้นบันได” ตามระยะเวลาน้ำท่วมขัง (มติ ครม. วันที่ 18 พฤศจิกายน 2568)
เพื่อช่วยเหลือครัวเรือนที่ได้รับผลกระทบจาก น้ำท่วมขังต่อเนื่องเป็นระยะเวลานาน ครม. ได้อนุมัติให้ใช้งบประมาณจากวงเงินเดียวกัน เพื่อจ่ายเงินเยียวยาเพิ่มเติม โดย กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจะดำเนินการใน รูปแบบเงินอุดหนุนทั่วไป สามารถถัวจ่ายข้ามจังหวัดได้
- หลักเกณฑ์ผู้มีสิทธิรับเงิน
ต้องเป็น “บ้านอยู่อาศัยจริง” ในพื้นที่ที่มีประกาศเขตภัยพิบัติ และมีหนังสือรับรองผู้ประสบภัยจาก อปท., ผ่านการประชาคมหมู่บ้าน, ตรวจสอบข้อมูลโดย ก.ช.ภ.อ. และ ก.ช.ภ.จ.
- อัตราการจ่ายเงิน (ขั้นบันได)
ระยะเวลาน้ำท่วมขัง เงินช่วยเหลือ
31 – 60 วัน 5,000 บาท
61 – 90 วัน 10,000 บาท
91 – 120 วัน 15,000 บาท
121 วันขึ้นไป 20,000 บาท
โดยกำหนดให้ ทุกจังหวัดต้องตรวจสอบและช่วยเหลือให้แล้วเสร็จภายใน 90 วัน นับจากวันที่ได้รับงบประมาณ
- จังหวัดที่ได้รับความช่วยเหลือ (22 จังหวัด)
ฉะเชิงเทรา, ชัยนาท, ชัยภูมิ, นครนายก, นครปฐม, นครสวรรค์, นนทบุรี, ปทุมธานี, ปราจีนบุรี, พระนครศรีอยุธยา, พิจิตร, พิษณุโลก, เพชรบูรณ์, ศรีสะเกษ, สระบุรี, สิงห์บุรี, สุโขทัย, สุพรรณบุรี, อ่างทอง, อุดรธานี, อุทัยธานี และอุบลราชธานี
รวม 171,302 ครัวเรือน ได้รับการช่วยเหลือ
- เสียงจาก ปภ.
นาย ธีรพัฒน์ คัชมาตย์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ย้ำว่า ได้เร่งประสานทุกจังหวัดตรวจสอบข้อมูลให้ถูกต้อง ป้องกันการจ่ายเงินซ้ำซ้อน พร้อมส่งข้อมูลให้ธนาคารออมสินเพื่อโอนเงินให้ประชาชนโดยเร็ว
ขณะที่ นายชัยรัตน์ แก้วเพียงเพ็ญ รองอธิบดี ปภ. รายงานสถานการณ์ล่าสุดว่า ภาคกลางหลายพื้นที่ยังมีน้ำหลากจากลุ่มแม่น้ำเจ้าพระยา ภาคใต้เริ่มมีฝนตกหนักต่อเนื่อง โดยเฉพาะ สุราษฎร์ธานี และนครศรีธรรมราช ได้ส่งเครื่องจักร และเครื่องสูบน้ำขนาดใหญ่เข้าสนับสนุนพื้นที่เสี่ยงเร่งระบายน้ำ
กรมชลประทานคาดว่า 20–24 พฤศจิกายน 2568 จะสามารถลดการระบายน้ำจากเขื่อนเจ้าพระยา เหลือ 2,400–2,700 ลบ.ม./วินาที ซึ่งจะช่วยลดระดับน้ำในแม่น้ำเจ้าพระยาได้อีก 0.40 – 0.75 เมตร