นายกฯ สั่งการรัฐมนตรีลงพื้นที่ช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย ปภ. เตรียมสำรวจจ่ายเงินเยียวยาครัวเรือนละ 9,000 บาท

7 ตุลาคม 2568 นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย เป็นประธานการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) โดยได้สั่งการให้รัฐมนตรีทุกกระทรวง เร่งติดตามสถานการณ์อุทกภัยในพื้นที่อย่างใกล้ชิด พร้อมให้ความช่วยเหลือ เยียวยา และดูแลประชาชนที่ได้รับผลกระทบให้ทั่วถึง โดยต้องรายงานผลการดำเนินงานต่อเนื่องทุกวัน และรายงานภาพรวมในที่ประชุม ครม. ทุกสัปดาห์
นายกรัฐมนตรีเน้นย้ำให้ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง บริหารจัดการน้ำอย่างบูรณาการ เพื่อป้องกันและลดความเสียหายในอนาคต พร้อมวางแผนแก้ไขปัญหาเชิงระบบอย่างยั่งยืน
- คอภ. เคาะเกณฑ์จ่ายเงินเยียวยาผู้ประสบภัยครัวเรือนละ 9,000 บาท
การประชุมคณะกรรมการอำนวยการและบริหารสถานการณ์ภัยพิบัติทางธรรมชาติ (คอภ.) ครั้งที่ 1/2568 เมื่อวันที่ 6 ตุลาคมที่ผ่านมา มีมติ คงหลักเกณฑ์การจ่ายเงินช่วยเหลือผู้ประสบภัยจากน้ำท่วมปี 2568 เหมือนปีที่ผ่านมา โดยให้ความช่วยเหลือครัวเรือนละ 9,000 บาท ใน 2 กรณี ได้แก่
1.ครัวเรือนที่อยู่อาศัยในพื้นที่น้ำท่วม ดินถล่ม น้ำป่าไหลหลาก หรือน้ำล้นตลิ่ง ไม่เกิน 7 วัน และทรัพย์สินได้รับความเสียหาย
2.ครัวเรือนที่อยู่อาศัยถูกน้ำท่วมขัง ติดต่อกันเกิน 7 วัน
ระหว่างวันที่ 15 พฤษภาคม – 6 ตุลาคม 2568 มีครัวเรือนที่ได้รับความช่วยเหลือแล้ว 685,554 ครัวเรือน รวมงบประมาณทั้งสิ้นกว่า 6,169 ล้านบาท
ด้านกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) ได้รับมอบหมายให้ เร่งสำรวจและจัดทำบัญชีผู้ได้รับผลกระทบในทุกพื้นที่ เพื่อให้ประชาชนได้รับความช่วยเหลืออย่างรวดเร็ว ทั่วถึง และเป็นธรรม ตามข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรี
- ธรรมนัสลงพื้นที่อุบลฯ สั่งเร่งระบายน้ำ – ศึกษาขุดอุโมงค์ผันน้ำ
ร้อยเอก ธรรมนัส พรหมเผ่า รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ พร้อมด้วยรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรฯ ลงพื้นที่ตรวจสถานการณ์น้ำแม่น้ำมูล ที่สถานีวัดระดับน้ำ (M7) เชิงสะพานเสรีประชาธิปไตย อำเภอเมือง จังหวัดอุบลราชธานี ซึ่งเป็นจุดสำคัญในการติดตามและเฝ้าระวังระดับน้ำ
ร้อยเอก ธรรมนัส เปิดเผยว่า นายกรัฐมนตรีได้มอบหมายให้ตรวจสอบพื้นที่ปลายน้ำของแม่น้ำมูลและแม่น้ำชี ก่อนน้ำไหลสู่แม่น้ำโขง และแต่งตั้งให้ตนเป็นประธานคณะกรรมการชุดพิเศษแก้ไขปัญหาภัยธรรมชาติ เพื่อเร่งบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชนโดยเร็ว
พร้อมกันนี้ ได้สั่งการให้กรมชลประทาน เร่งระบายน้ำในเขตอำเภอวารินชำราบ บริหารจัดการประตูน้ำอย่างมีประสิทธิภาพ คาดว่าระดับน้ำในเขตอำเภอเมืองและวารินชำราบจะเริ่มลดลงภายใน 15 วัน
นอกจากนี้ ยังมอบหมายให้กรมชลประทาน ศึกษาความเป็นไปได้ของโครงการขุดอุโมงค์ผันน้ำอ้อมแก่งสะพือ หากผลการศึกษาผ่านเกณฑ์ จะเสนอเข้าบรรจุในแผนงบประมาณปี 2570 ต่อไป
ร้อยเอก ธรรมนัส ย้ำว่า รัฐบาลจะดำเนินการแก้ปัญหาน้ำท่วมทั้งระยะสั้นและระยะยาว โดยใช้แนวทางบูรณาการร่วม เช่น “บางระกำโมเดล” ในพื้นที่ท่วมซ้ำซาก ควบคู่กับการเยียวยาและฟื้นฟูพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบเฉพาะหน้า
- สทนช. เตือนน้ำทะเลหนุนสูง 9–18 ต.ค. นี้
สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) ออกประกาศฉบับที่ 25/2568 เรื่อง “เฝ้าระวังน้ำทะเลหนุนสูง” ระหว่างวันที่ 9 – 18 ตุลาคม 2568 เวลา 06.00 – 17.00 น. โดยคาดว่าระดับน้ำที่ป้อมพระจุลจอมเกล้าและพื้นที่ใกล้เคียงจะสูงประมาณ 1.70–1.90 เมตรเหนือระดับทะเลปานกลาง สูงกว่าระดับน้ำวิกฤติราว 0.20 เมตร อันเนื่องมาจากอิทธิพลของมรสุมตะวันตกเฉียงใต้และลมตะวันออก ประกอบกับมวลน้ำจากตอนบนที่ไหลลงมา
พื้นที่เสี่ยง ได้แก่ จังหวัดสมุทรปราการ กรุงเทพมหานคร นนทบุรี ปทุมธานี สมุทรสาคร นครปฐม และสมุทรสงคราม โดยให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ตรวจสอบความมั่นคงของแนวคันกั้นน้ำ เสริมแนวป้องกันบริเวณจุดเสี่ยง และแจ้งเตือนประชาชนล่วงหน้า พร้อมเตรียมเครื่องจักรกลและอุปกรณ์ช่วยเหลือให้พร้อมตลอด 24 ชั่วโมง
- สธ. ส่งทีมแพทย์เคลื่อนที่–ดูแลจิตใจผู้ประสบภัย
นายพัฒนา พร้อมพัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เปิดเผยว่า จากอิทธิพลพายุ “บัวลอย” และ “แมตโม” ส่งผลให้สถานบริการสาธารณสุขได้รับผลกระทบแล้ว 33 แห่งในหลายจังหวัด โดยมี 2 แห่งในจังหวัดอุตรดิตถ์ที่ต้องปิดบริการบางส่วน ได้แก่
- โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลผักขวง (ปิดทั้งหมด)
- โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลน้ำไคร้ (ปิดบางส่วน)
หน่วยงานสาธารณสุขในพื้นที่เร่งซ่อมแซมอุปกรณ์ ระบบไฟฟ้า น้ำสะอาด และตรวจสอบความปลอดภัยของอาคาร ขณะเดียวกัน กระทรวงสาธารณสุขได้จัดตั้ง หน่วยแพทย์เคลื่อนที่และทีมฉุกเฉินเข้าช่วยเหลือผู้ประสบภัย พร้อมสนับสนุนยาและเวชภัณฑ์กว่า 98,000 รายการ
กระทรวงแบ่งการดูแลเป็น 3 กลุ่มพื้นที่ ได้แก่
1. พื้นที่ยังมีสถานการณ์น้ำท่วม: เช่น สุโขทัย พิจิตร พิษณุโลก อ่างทอง และเพชรบูรณ์ เน้นดูแลกลุ่มเปราะบางและผู้ป่วยต่อเนื่อง
2. พื้นที่น้ำลดแล้ว: เช่น น่าน อุตรดิตถ์ และบางส่วนของสุโขทัย เร่งฟื้นฟูสถานบริการและดูแลสุขภาพจิตประชาชน โดยมีผู้ได้รับบริการแล้วกว่า 3,700 คน
3. พื้นที่รอรับน้ำเพิ่ม: เช่น ชัยนาท อยุธยา ปทุมธานี นนทบุรี กรุงเทพมหานคร และสมุทรปราการ ให้สถานบริการเตรียมขนย้ายยาและอุปกรณ์ขึ้นที่สูง รวมถึงวางแผนอพยพผู้ป่วย
หากสถานการณ์รุนแรง กระทรวงสาธารณสุขเตรียมเปิด ศูนย์ปฏิบัติการฉุกเฉินด้านการแพทย์และสาธารณสุขระดับกระทรวง เพื่อระดมทรัพยากรจากส่วนกลางเพิ่มเติม
- แรงงานส่งทีมช่วยลูกจ้าง–ซ่อมบ้าน ซ่อมเครื่องมือทำกิน
นางสาวตรีนุช เทียนทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน เปิดเผยว่า ได้สั่งการให้หน่วยงานในสังกัดทั่วประเทศเร่งให้ความช่วยเหลือแรงงานที่ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วม ทั้งในด้าน การจ้างงาน การเยียวยา และการฟื้นฟูหลังน้ำลด โดยกำชับให้เจ้าหน้าที่ลงพื้นที่พบผู้ประกอบการ สำรวจผลกระทบต่อลูกจ้าง และให้คำแนะนำตามกฎหมายแรงงาน กรณีลูกจ้างไม่สามารถทำงานได้จากอุทกภัย จะไม่ถือเป็นการขาดงาน หากนายจ้างเลิกจ้างต้องจ่ายค่าชดเชยตามกฎหมาย
นอกจากนี้ ได้มอบหมายให้กรมพัฒนาฝีมือแรงงานจัดทีมช่างลงพื้นที่ ซ่อมแซมอุปกรณ์ เครื่องมือทำกิน รถจักรยานยนต์ และเครื่องใช้ไฟฟ้าในครัวเรือน เพื่อให้ประชาชนสามารถกลับมาประกอบอาชีพได้โดยเร็ว
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ สายด่วนกระทรวงแรงงาน 1506
- ตำรวจทั่วประเทศระดมกำลังช่วยประชาชน
พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ สั่งการให้ตำรวจทั่วประเทศระดมกำลังช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วมอย่างเต็มกำลัง โดยเน้นปฏิบัติใน 4 ด้านหลัก ได้แก่
1. อำนวยความสะดวกและรักษาความปลอดภัยในพื้นที่ประสบภัย
2. ตรวจตราบ้านเรือนเพื่อป้องกันการลักขโมย
3. สำรวจความเสียหายของสถานีตำรวจและบ้านพักข้าราชการ
4. เตรียมอุปกรณ์และเจ้าหน้าที่ให้พร้อมปฏิบัติภารกิจตลอดเวลา
สำนักงานตำรวจแห่งชาติยืนยันว่า เจ้าหน้าที่ทุกนายพร้อมร่วมมือกับหน่วยงานภาครัฐและท้องถิ่น เพื่อช่วยเหลือประชาชนให้ปลอดภัยและกลับสู่ภาวะปกติโดยเร็วที่สุด
Cr.กรมประชาสัมพันธ์