สถานการณ์ล่าสุด! สถานทูตไทย ณ กรุงเทลอาวีฟ รายงานการอพยพคนไทยออกจาก “อิสราเอล”

   เมื่อ : 11 ต.ค. 2566

            สถานทูตไทย ณ กรุงเทลอาวีฟ ได้รายงานสถานการณ์ล่าสุดว่า จากคนไทยในอิสราเอล ทั้งหมดราว 30000 คน มีคนไทยแจ้งความประสงค์จะเดินทางกลับประเทศ ประมาณ 3863 คน ประสงค์อยู่ต่อ 52 คน ซึ่งทั้ง 2 ส่วน มีทั้งแรงงานที่เดินทางไปอย่างถูกกฎหมายและไม่ถูกกฎหมาย 

            ขณะนี้สถานทูตไทย ณ กรุงเทลอาวีฟ ได้เปิดให้ลงทะเบียนผ่านแพลตฟอร์มต่าง ๆ และสายด่วน ส่วนผู้ที่ไม่มีเอกสารเดินทางติดตัวนั้น ทางสถานทูตฯ จะออกเอกสารการเดินทาง ที่เรียกว่า CI ให้แรงงานไทย โดยจะรับแรงงานมาถึงก่อนเวลาเครื่องออก 4 - 5 ชั่วโมง เพื่อดำเนินการเรื่องเอกสาร อย่างไรก็ตาม การอพยพแรงงานไทยกลับประเทศ จะพิจารณาจัดส่งคนจากพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบมากที่สุดกลับก่อน 

กำหนดการการอพยพแรงงานไทยออกจากอิสราเอล

• การอพยพแรงงานไทยกลุ่มแรก

            สถานทูตไทยประจำกรุงเทลอาวีฟ จะส่งกลับแรงงานไทย ครั้งที่ 1 ในวันที่ 11 ตุลาคมนี้ จำนวน 15 คน ประกอบด้วย 

- ผู้บาดเจ็บที่ได้รับการรักษาแล้ว จำนวน 4 คน 

- แรงงานที่อพยพมาอยู่ในพื้นที่ปลอดภัยแล้ว 11 คน 

โดยเที่ยวบิน LY083 สายการบินแห่งชาติอิสราเอล.ซึ่งจะออกเดินทางเวลา 21.45 น. ของวันที่ 11 ต.ค. ถึงสนามบินสุวรรณภูมิ 10.35 น. ในวันที่ 12 ต.ค. ตามเวลาในประเทศไทย

• การอพยพแรงงานไทยกลุ่มสอง

            ในวันที่ 15 ตุลาคม กระทรวงการต่างประเทศเตรียมขออนุญาตบินผ่านน่านฟ้าของแต่ละประเทศและบินเข้าอิสราเอล ด้วยเครื่องบินแอร์บัส 340 เพื่อไปรับแรงงานไทยจำนวน 140 คน กลับประเทศ ทั้งนี้ เนื่องจากเป็นการใช้เครื่องบินของกองทัพไม่ใช่เครื่องบินพาณิชย์ที่สามารถบินตามเส้นทางได้เลย

• การอพยพแรงงานไทยกลุ่มที่สาม

            ในวันที่ 18 ตุลาคม มีไฟลต์บินกลับประเทศไทย จำนวน 80 ที่นั่ง โดยจะให้เจ้าหน้าที่โทรกลับหาผู้ที่แจ้งความประสงค์เพื่อเตรียมการตั๋วเครื่องบิน ซึ่งจะใช้สายการบินพาณิชย์ และเครื่องเช่าเหมาลำในการอพยพคนไทยกลับ เบื้องต้นจะให้ความสำคัญกับคนไทยในพื้นที่สีแดงเป็นลำดับต้น

ทั้งนี้ กระทรวงการต่างประเทศยืนยันว่าเที่ยวบินที่ไปรับคนไทยนั้น ยังไม่สามารถที่จะลำเลียงศพผู้เสียชีวิตซึ่งเป็นแรงงานชาวไทยกลับมาได้ เนื่องจากตอนนี้ต้องรออิสราเอลพิสูจน์อัตลักษณ์ต้องใช้เวลาและต้องรอกระบวนการเยียวยาด้วย

สถานการณ์ผลกระทบแรงงานไทยในอิสราเอล

             นายจักรพงษ์ แสงมณี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ให้สัมภาษณ์ถึงความคืบหน้าการให้ความช่วยเหลือคนไทยในอิสราเอล โดยได้รับรายงานว่ามีคนไทยเสียชีวิตเพิ่มอีก 6 ราย จาก 12 เป็น 18 ราย แต่ทางการอิสราเอลยังไม่สามารถเข้าในพื้นที่ได้ เนื่องจากยังมีการต่อสู้กันอยู่ตลอด เจ้าหน้าที่ไม่สามารถออกไปปฏิบัติหน้าที่ได้ จึงยังไม่ได้ร่างผู้เสียชีวิต ส่วนผู้บาดเจ็บมี 9 ราย และถูกจับเป็นตัวประกัน 11 ราย

            ด้าน น.ส.พรรณนภา จันทรารมย์ เอกอัครราชทูต ณ กรุงเทลอาวีฟ แสดงความเสียใจกับผู้สูญเสียในครั้งนี้ พร้อมทั้งส่งกำลังใจให้พี่น้องที่ห่วงกังวลแรงงานในพื้นที่ โดยยืนยันว่า สถานทูตฯ ไม่ได้นิ่งนอนใจ ระดมกำลังติดต่อแรงงานไทยทุกคนในอิสราเอล แต่ขณะนี้อยู่ในภาวะสงคราม โดยเฉพาะพื้นที่ฉนวนกาซา อิสราเอลแบ่งโซนพื้นที่เป็นสีแดง สีส้ม สีเหลือง ซึ่งการช่วยเหลือทั้งชาวไทยและประเทศอื่น ๆ เป็นการเข้าช่วยเหลือทีละโซน จากพื้นที่ที่อันตรายที่สุดก่อน

ความคืบหน้าช่วยเหลือตัวประกัน     

            นายกรัฐมนตรี เปิดเผยความคืบหน้ากรณีคนไทยถูกจับเป็นตัวประกัน ยืนยันว่า รัฐบาล ฝ่ายความมั่นคง และฝ่ายการทูตที่มีความสัมพันธ์กับบุคคล กับหลาย ๆ รัฐบาล ก็ได้ต่อสายตรงพูดคุยกัน ซึ่งเรื่องนี้เป็นเรื่องของความมั่นคง จึงขอไม่เปิดเผยรายละเอียด แต่ขอให้มั่นใจว่าทุกทางที่ดำเนินการอยู่ เราพยายามทำทุกอย่างแล้ว และยังคงพยายามอย่างสูงสุด พร้อมคำนึงถึงอิสรภาพแล้วความปลอดภัย ของผู้ที่ถูกจับกุมตัวเป็นสำคัญ

มาตรการเยียวยาแรงงานไทยที่ประสบภัยในอิสราเอล

            กองทุนเพื่อช่วยเหลือคนหางานไปทำงานในต่างประเทศ ผู้เป็นสมาชิกกองทุน ฯ จะได้รับความคุ้มครอง และสิทธิประโยชน์ตามที่กฎหมายกำหนด 

- กรณีเดินทางกลับประเทศเนื่องจากภาวะสงคราม รับเงินสงเคราะห์ 15000 บาท

- กรณีพิการ รับเงินสงเคราะห์ 15000 บาท

- กรณีทุพพลภาพ รับเงินสงเคราะห์ 30000 บาท

- กรณีเสียชีวิต รับเงินสงเคราะห์ 40000 บาท และค่าใช้จ่ายในการจัดการศพในต่างประเทศ เท่าที่จ่ายจริง ไม่เกิน 40000 บาท.

Cr.สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดยโสธร