ครูที่ไม่มีใครแต่งตั้ง

   เมื่อ : 09 พ.ค. 2568

“ถ้าครูต้องมีใบประกอบวิชาชีพ…ผมคงไม่มีวันเป็นครูได้”

แต่ตลอดชีวิตราชการของผมกลับทำหน้าที่คล้ายครูมากกว่าสิ่งใด

ครู…ที่ไม่มีใครแต่งตั้ง

ไม่มีคำสั่งกระทรวง

ไม่มีห้องเรียน

ไม่มีสมุดพก

แต่มีเวที เวลาประชุม มีชุมชน มีเวทีหน้าเสาธง

และที่สำคัญ…มีหัวใจที่อยากสื่อสารให้คนเข้าใจแล้วเปลี่ยนแปลง

ผู้นำที่ต้องเป็นครู โดยไม่ต้องชูใบประกอบฯ

การบริหารอำเภอหรือจังหวัดนั้น ไม่ได้วัดกันที่การออกคำสั่ง

แต่วัดกันที่ “การทำให้ทุกคนเดินไปในทางเดียวกันได้”

และนั่น…ต้องใช้ “ทักษะครู” อย่างยิ่ง

ในวันประชุมหัวหน้าส่วนราชการ บางทีผมรู้สึกเหมือนยืนอยู่หน้าห้องเรียนมัธยม

มีทั้งนักเรียนที่ตั้งใจ มีทั้งคนง่วง มีทั้งคนลังเล และบางคนก็ไม่เห็นความจำเป็นของบทเรียนเลย

แต่หน้าที่ของผมไม่ใช่แค่พูดจบประชุม

หน้าที่ของผมคือ “ทำให้เขาเข้าใจและอยากลงมือทำ”

บางครั้ง…แผนยุทธศาสตร์จังหวัดซึ่งเขียนไว้ในกระดาษสิบกว่าหน้า

ต้องถูกย่อยเป็นภาษาที่ “ครูชุมชน” เข้าใจ

และเมื่อเขาเข้าใจ…เขาก็จะ “สอนต่อ” ได้เองโดยไม่ต้องรอใคร

นั่นคือการเป็น “ครูของครู”

ซึ่งไม่ได้สวมชุดครู

แต่อยู่ในชุดเครื่องแบบราชการธรรมดานี่เอง

ครูอนุบาล ครูประถม ครูมัธยม…ผมไม่ได้จบแบบนั้น แต่ผมเข้าใจ

ผมเคยยืนหน้าเสาธงกลางแดดกับครูอนุบาล

ที่ต้องเงยหน้าพูดให้เด็กฟังโดยไม่หวังว่าจะจำ

แต่หวังว่าเด็กจะ “รู้สึกได้” ว่านี่คือความอบอุ่นของโรงเรียน

ผมเคารพหัวใจแบบนั้น…เพราะรู้ว่าการสื่อสารที่ดี เริ่มจาก “ความรู้สึกปลอดภัย”

ผมเคยคุยกับครูประถมที่ต้องตัดกระดาษทำสื่อการสอนเอง เพราะงบไม่พอ

และบอกกับผู้นำท้องถิ่นว่า “พวกเขาไม่ขออะไรเลยนอกจากความเข้าใจ”

ผมจึงเรียนรู้ว่า “การบริหารที่ดี” คือการฟังให้ลึกกว่าคำพูด

และผมเคยขึ้นเวทีกลางงานแนะแนวกับครูมัธยม

พูดเรื่องอนาคตของเด็กที่ยังไม่รู้แม้กระทั่งว่าจะมีข้าวเย็นกินหรือไม่

มันทำให้ผมไม่กล้าพูดคำว่า “พัฒนา” ถ้าไม่เข้าใจ “ต้นทุนชีวิต” ของเด็กเหล่านั้นจริงๆ

บทบาทที่ไม่มีในคู่มือ

ไม่มีคู่มือราชการเล่มใดเขียนว่า

“นายอำเภอควรใช้สำนวนอย่างไรเมื่อต้องพูดกับครูอนุบาล”

หรือ

“รองผู้ว่าฯ ควรปรับภาษายังไงให้ครูในพื้นที่ชายแดนเข้าใจแผนการศึกษาในระดับชาติ”

แต่ชีวิตจริงสอนผมว่า…

ผู้นำที่ดี ต้องเป็น “ครูในบริบทของตนเอง”

ต้องรู้ว่าเมื่อไรควรพูด

เมื่อไรควรฟัง

และเมื่อไรควรยืนเฉยๆ แล้วให้คนอื่นพูด

การบริหารไม่ใช่การออกคำสั่ง

แต่คือการสื่อสาร

ให้คนเชื่อ ให้คนเข้าใจ และให้คนอยากลงมือ

ส่งท้ายบทนี้ด้วยคำถามที่ยังคงอยู่ในใจผม

ถ้าครูคือผู้เปลี่ยนชีวิตคนทีละคน…

แล้วผู้นำล่ะ?

จะเปลี่ยนทั้งระบบได้หรือไม่

ถ้าเขายังไม่รู้จัก “สอน” ให้คนเข้าใจ…

และวันนี้ ผมไม่กล้าบอกว่า “ผมเป็นครู”

แต่ผมภูมิใจที่เคยได้ “ทำหน้าที่ของครู”

แม้ไม่มีใครแต่งตั้ง

แม้ไม่มีสมุดพก

แต่มีหัวใจเต็มร้อย…ที่อยากเห็นบ้านเมืองดีขึ้น ด้วยพลังของคนที่เข้าใจร่วมกัน

  • ฤทธิสรรค์ เทพพิทักษ์

        อดีตรองผู้ว่าราชการจังหวัด / ปลัดจังหวัด / นายอำเภอ / คณะกรรมการศึกษาธิการจังหวัด

        9 พฤษภาคม 2568