รายงานพิเศษ : ชมรมสตรองจิตพอเพียงต้านทุจริต อบรมเครือข่ายรุ่นที่ 3 จาก 5 อำเภอ

ชมรม STRONG - จิตพอเพียงต้านทุจริตจังหวัดอุบลราชธานี จัดอบรมตามโครงการ สร้างเสริมความเข้มแข็งเครือข่ายองค์กรภาคประชาชนจับตามองและสอดส่องแจ้งเบาะแส ปีที่ 2 ภายใต้การสนับสนุนจากกองทุน ปปช. (รุ่นที่ 3 ) กิจกรรมที่ 2 อบรมเชิงปฏิบัติการ ชมรม STRONG-จิตพอเพียงต้านทุจริตจังหวัดอุบลราชธานี ร่วมกับ สำนักงาน ป.ป.ช. ประจำจังหวัดอุบลราชธานี และสำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดอุบลราชธานี
วันที่ 25 เมษายน 2568 ที่โรงแรมบ้านสวนคุณตาแอนรีสอร์ต อ.วารินชำราบจ.อุบลราชธานี ว่าที่ร้อยตรีกรกฏ ประเสริฐวงศ์ รองผวจ.อุบลราชธานี เป็นประธานในพิธีเปิดอบรมเครือข่ายสตรองจิตพอเพียง ต้านทุจริต รุ่นที่ 3 โดยมีนายประชา สิทธิโชค ประธานชมรมสตรอง กล่าวรายงานวัตถุประสงค์ซึ่งจัดอบรมระหว่างวันที่ 25-26 เมษายน 2568 โดยมีสมาชิกประกอบด้วย เครือข่ายองค์กรภาคประชาชน และเครือข่าย(อพม.) จาก 5 อำเภอ คือ อำเภอน้ำยืน อำเภอน้ำขุ่น อำเภอนาจะหลวย อำเภอบุณฑริก และอำเภอสิรินธร จำนวน 100 คนพร้อมด้วยคณะกรรมการชมรม Strong-จิตพอเพียงต้านทุจริตจังหวัดอุบลราชธานี ร่วมเป็นวิทยากรกระบวนการกลุ่ม และได้รับความอนุเคราะห์วิทยากรบรรยายให้ความรู้จาก สำนักงาน ป.ป.ช. ประจำจังหวัดอุบลราชธานี
สำหรับวัตถุประสงค์ในการอบรมครั้งนี้
1. เพื่อเสริมสร้างความเข้มแข็งของเครือข่ายองค์กร และผลักดันโมเดล STRONG - สู่เครือข่ายองค์กร ชมรม ชุมชน ภาคประชาชน
2. เพื่อส่งเสริมให้เครือข่ายองค์กร ชมรม ชุมชน และ ประชาชนในพื้นที่มีความตระหนักและมีความรู้ความเข้าใจที่ถูกต้องเกี่ยวกับปัญหาและภัยจากการทุจริต ให้เกิดการต่อต้านการทุจริตและประพฤติมิชอบอย่างกว้างขวาง
3. เพื่อเสริมสร้างองค์ความรู้ด้านการป้องกันการทุจริต การตรวจสอบ การใช้อำนาจรัฐ และการจับตามองสอดส่องแจ้งเบาะแสเป็นกลไกการเชื่อมโยง กิจกรรมการมีส่วนร่วมของภาคประชาชนกับการปฏิบัติงานตามภารกิจของสำนักงาน ป.ป.ช. ด้วยการนำผลการสำรวจและจับตามองของภาคประชาชนมาผ่านกระบวนการวิเคราะห์ เพื่อนำสู่การแจ้งเบาะแสผ่านช่องทางของสำนักงาน ป.ป.ช. หรือประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อแก้ไขปัญหาตามลำดับ
สำหรับเป้าหมายในการดำเนินโครงการฯ ในปี พ.ศ.2567 ชมรม Strong-จิตพอเพียงต้านทุจริตจังหวัดอุบลราชธานี ได้ขอรับงบประมาณสนับสนุนและขับเคลื่อนโครงการสร้างเสริมความเข้มแข็งเครือข่ายองค์กรภาคประชาชน จับตามองและสอดส่องแจ้งเบาะแส โดยมีกลุ่มเป้าหมาย คือ เครือข่ายอาสาสมัครพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ หรือ (อพม.) จำนวน 10 อำเภอจำนวน 200 คน จากการฝึกอบรมกลุ่มเป้าหมายมีความรู้ ความเข้าใจมากกว่าร้อยละ 87.29% นอกจากนี้แล้วการลงพื้นที่ติดตามประเมินผลเครือข่าย อพม.ระดับ อำเภอ ที่เข้าร่วมอบรมเชิงปฏิบัติการ สามารถนำองค์ความรู้ไปประยุกต์ใช้เพื่อการเฝ้าระวังการทุจริตต่อไป
ทั้งนี้ ด้วยรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ.2560 กำหนดให้รัฐมีหน้าที่ต่อประชาชนและวางกลไก ป้องกัน ตรวจสอบและขจัดการทุจริตและประพฤติมิชอบ ตามมาตรา 63 โดยรัฐต้องส่งเสริมสนับสนุน และ ให้ความรู้แก่ประชาชนถึงอันตรายที่เกิดจากการทุจริต และประพฤติมิชอบ และจัดให้มีมาตรการและกลไก ที่มีประสิทธิภาพ เพื่อป้องกันและขจัดการทุจริตและประพฤติมิชอบดังกล่าวอย่างเข้มงวด รวมทั้งกลไกในการส่งเสริมให้ประชาชนรวมตัวกัน เพื่อมีส่วนร่วมในการรณรงค์ให้ความรู้ต่อต้านหรือชี้เบาะแส ด้านแผนแม่บทภายใต้ยุทธศาสตร์ชาติ ประเด็นการต่อต้านการทุจริตและประพฤติมิชอบ ได้กำหนดแผนย่อยด้านการป้องกันการทุจริตและประพฤติมิชอบ มุ่งการพัฒนาและปรับพฤติกรรม “คน” ทุกกลุ่มในสังคม โดยเน้นการปลูกฝังและหล่อหลอมให้มีจิตสำนึก และพฤติกรรมยึดมั่นในความซื่อสัตย์สุจริต รวมทั้งการสร้างวัฒนธรรม ต้านทุจริต รู้จักแยกแยะเรื่องส่วนตัวออกจากประโยชน์ส่วนรวม ควบคู่ไปกับการสนับสนุนการมีส่วนร่วม เป็นเครือข่ายแจ้งเบาะแส การทุจริตในทุกภาคส่วนของสังคมซึ่งสอดคล้องกับการจัดทำเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน
นับเป็นโครงการสำคัญและจัดกิจกรรมถ่ายทอดความรู้ให้กับสมาชิกและเครือข่ายระดับอำเภอได้มีความรู้ ความเข้าใจ การการตรวจสอบติดตาม และเฝ้าระวังป้องกันการทุจริตในหน่วยงานภาครัฐในพื้นที่ และสามารถชี้เบาะแสความเสียงของโครงการที่ใช้งบประมาณราชการ อาจเกิดขึ้นในพื้นที่ และร่วมมือกับทุกภาคส่วนในการตรวจสอบรักษาทรัพยากรของชาติให้คุ้มค่าเกิดประโยชน์ต่อส่วนรวมต่อไป
…..
- ปัญญา แพงเหล่า/รายงาน
26 เมษายน 2568