ข่าวฉบับ7 จังหวัดโซนเหนือเจอ PM2.5 ระดับแดง ส่วน กทม. คุณภาพอากาศดี

   เมื่อ : 26 ก.พ. 2567

          กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) โดยสำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ (องค์การมหาชน) หรือ GISTDA ร่วมกับสำนักงานการวิจัยแห่งชาติ, กรมควบคุมมลพิษ, มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ และมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ เกาะติดสถานการณ์ฝุ่น PM 2.5 แบบรายชั่วโมง ด้วยข้อมูลจากดาวเทียมผ่านแอปพลิเคชั่น “เช็คฝุ่น” เมื่อเวลา 08.00 น. ของวันที่ 26 กุมภาพันธ์ 2567 พบ 18 จังหวัด ที่มีค่าฝุ่นเกินเกณฑ์มาตรฐาน โดยมี 7 จังหวัดที่ส่งผลกระทบต่อสุขภาพและระบบทางเดินหายใจในระดับสีแดง คือ ลำพูน 115.7 ไมโครกรัม ลำปาง 104.5 ไมโครกรัม สุโขทัย 88.4 ไมโครกรัม แพร่ 86.7 ไมโครกรัม เชียงใหม่ 86.3 ไมโครกรัม ตาก 82.9 ไมโครกรัม และ แม่ฮ่องสอน 77.8 ไมโครกรัม ในขณะที่อีก 11 จังหวัดมีค่าฝุ่นที่เริ่มมีผลกระทบต่อสุขภาพสีส้ม ซึ่งส่วนใหญ่ยังคงอยู่ในพื้นที่ภาคเหนือ สำหรับพื้นที่กรุงเทพมหานครพบค่าคุณภาพอากาศปานกลางถึงดี

          แอปพลิเคชั่น “เช็คฝุ่น” ยังคาดการณ์ปริมาณฝุ่น PM 2.5 ในอีก 3 ชั่วโมงข้างหน้า พบว่าหลายพื้นที่จะมีค่าคุณภาพอากาศที่ยังคงอยู่ในระดับสีส้มต่อเนื่องโดยเฉพาะโซนภาคเหนือ ทั้งนี้ ข้อมูลบนแอปพลิเคชัน “เช็คฝุ่น” มีการใช้เทคโนโลยีดาวเทียมร่วมกับ AI (Artificial intelligence) ในการวิเคราะห์ค่าฝุ่น PM 2.5 แบบรายชั่วโมงในทุกพื้นที่ทั่วประเทศ ร่วมกับการใช้ข้อมูลการตรวจวัด PM 2.5 จากกรมควบคุมมลพิษ, ข้อมูลสภาพอากาศ จากกรมอุตุนิยมวิทยา รวมถึงข้อมูลของแหล่งกำเนิดฝุ่น เช่น จุดความร้อน และข้อมูลที่เกี่ยวข้องอีกจำนวนมาก มานำเสนอให้ในรูปแบบข้อมูลตัวเลขและค่าสีในระดับต่างๆ เพื่อให้ผู้ใช้งานสามารถเข้าใจสถานการณ์ได้ง่ายยิ่งขึ้น

          ประชาชนควรสวมหน้ากากตลอดเวลาเมื่ออยู่ในที่โล่งแจ้ง เพื่อป้องกันผลกระทบที่อาจตามมาโดยเฉพาะโรคเกี่ยวกับระบบทางเดินหายใจ ทั้งนี้ ท่านสามารถติดตามข้อมูล PM2.5 แบบรายชั่วโมงเพิ่มเติมผ่านแอปพลิเคชัน ”เช็คฝุ่น” โดยดาวน์โหลดใช้งานแอปพลิเคชัน เพียงท่านพิมพ์คำว่า เช็คฝุ่น ทั้งในระบบ IOS และ Android ก็สามารถใช้งานได้เลยทันที.

          เช็คฝุ่น PM 2.5 ด้วยข้อมูลจากอวกาศ

https://www.gistda.or.th/news_view.php?n_id=6803&lang=TH

          ค่าฝุ่น PM 2.5 จากการวัดด้วยแอปพลิเคชั่นต่างๆ และแอปพลิเคชัน “เช็คฝุ่น”

https://www.gistda.or.th/news_view.php?n_id=6728&lang=TH