ไทยเดินหน้าปกป้องอธิปไตย เก็บกู้ทุ่นระเบิด AOT ลงพื้นที่ “ผาหลวง” พบลอบวางทุ่นระเบิดใหม่ในฝั่งไทย ละเมิดปฏิญญาสันติภาพ
17 พฤศจิกายน 2568 นายสิริพงศ์ อังคสกุลเกียรติ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี พร้อมด้วยทีมโฆษกจากหลายหน่วยงาน ทั้งกระทรวงกลาโหม กระทรวงการต่างประเทศ กองทัพบก และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ร่วมแถลงสถานการณ์ชายแดนไทย–กัมพูชา และแนวทางการเจรจาการค้ากับต่างประเทศ
- ท่าทีรัฐบาลต่อสถานการณ์ชายแดน
นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี มีความมุ่งมั่นแก้ไขปัญหาชายแดนไทย–กัมพูชา พร้อมเดินหน้าผลักดันข้อตกลงการค้าระหว่างประเทศให้สำเร็จ โดยได้สรุปแนวทางการดำเนินงานเกี่ยวกับ Joint Declaration ดังนี้
1️. ระงับ Action Plan การถอนกำลัง ที่เดิมกำหนดเสร็จภายใน 2 เดือน – แต่ขณะนี้ระงับอย่างไม่มีกำหนด
2️. ไทยจะเดินหน้า เก็บกู้ทุ่นระเบิดในพื้นที่ของไทยต่อไปอย่างเต็มกำลัง แม้กัมพูชาเห็นด้วยหรือไม่
3️. โครงการบริหารพื้นที่บ้านหนองจาน และบ้านหนองหญ้าแก้ว จ.สระแก้ว จะยังคงดำเนินต่อ
4️. การปราบปราม สแกมเมอร์ ออนไลน์ จะเดินหน้าต่อไป หากระดับทวิภาคีทำได้ไม่เต็มที่ จะใช้ระดับพหุภาคีแทน
5️. การเจรจาเพื่อปล่อยเชลยศึก จะเป็น “ขั้นตอนสุดท้าย” หลังจากเห็นความเป็นปฏิปักษ์ของกัมพูชาลดลงจริง
- ทหารไทยบาดเจ็บจากทุ่นระเบิด 20 นาย
พลเรือตรี สุรสันต์ คงสิริ รายงานว่า ตั้งแต่ 16 ก.ค. – 10 พ.ย. 2568 เกิดเหตุทหารไทยเหยียบทุ่นระเบิดแล้ว 7 ครั้ง มีผู้บาดเจ็บรวม 20 นาย โดยสูญเสียขา 7 นาย บาดเจ็บจากแรงระเบิด 13 นาย ซึ่งจากเหตุล่าสุด 10 พ.ย. 2568 ที่ศรีสะเกษ ตรวจพบว่าเป็นทุ่นระเบิด PMN-2 ที่ “ถูกวางใหม่” พร้อมพบอีก 3 ลูกที่ยังไม่ระเบิด
การวางทุ่นระเบิดครั้งนี้มีลักษณะ “เจตนาทำให้ถึงแก่ชีวิต” และถือเป็นการละเมิด Joint Declaration และข้อตกลงระหว่างไทย–กัมพูชาหลายฉบับ ไทยจึงมีความจำเป็นต้องระงับ Action Plan แต่ยังคงเดินหน้าเก็บกู้ทุ่นระเบิดต่อเนื่องใน 13 พื้นที่ และยืนยันว่า พร้อมปกป้องอธิปไตยทุกกรณี
- ปฏิบัติการปราบสแกมเมอร์ – เดินหน้าต่อเนื่อง
พล.ต.ต.ศิริวัฒน์ ดีพอ รายงานว่า การกวาดล้างอาชญากรรมออนไลน์เป็นภารกิจระดับชาติ มีการจับกุมแล้วกว่า 7,000 ราย รวมถึง ซิมเถื่อน บัญชีม้า เครือข่ายอินเทอร์เน็ตผิดกฎหมายตามแนวชายแดน ขณะเดียวกันมีการประสานความร่วมมือระดับภูมิภาคเพื่อปราบปรามอาชญากรรมข้ามชาติด้วย
- ท่าทีทางการทูตและการค้าระหว่างประเทศ
นายนิกรเดช พลางกูร อธิบดีกรมสารนิเทศ ระบุว่า กระทรวงการต่างประเทศได้ดำเนินการ ทั้งการประท้วง การชี้แจง และการสื่อสารไปยังนานาชาติ เพื่อรักษาผลประโยชน์ของไทย
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ได้โทรศัพท์ประท้วงต่อเจ้าหน้าที่ระดับสูงของกัมพูชาแล้ว และส่งหนังสือประท้วงเพิ่มเติมอีก 2 ฉบับไปยังสถานทูตกัมพูชาในไทย พร้อมทั้งรายงานเรื่องนี้ต่อ สหรัฐอเมริกา มาเลเซีย และ สหประชาชาติ เพื่อยืนยันว่าไทยปฏิบัติตามเส้นทางสันติภาพ และกัมพูชาคือฝ่ายละเมิดข้อตกลงก่อน
- ความคืบหน้าในการเจรจาการค้า
นางสาวโชติมา เอี่ยมสวัสดิกุล อธิบดีกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ ระบุว่า ไทยยังคงพูดคุยกับสหรัฐฯ อย่างต่อเนื่อง โดยมีเป้าหมายว่า จะให้ข้อตกลงการค้าต่างตอบแทนเสร็จภายในสิ้นปีนี้ พร้อมเตรียมเพิ่มศักยภาพให้ผู้ประกอบการไทย และขยายตลาดใหม่ รวมถึงการเจรจาจัดทำ FTA ฉบับใหม่ๆ เพื่อเพิ่มโอกาสการแข่งขันท่ามกลางสถานการณ์เศรษฐกิจที่ท้าทาย
- การลักลอบวางทุ่นระเบิดใหม่ – สังเกตการณ์อาเซียนลงพื้นที่
ล่าสุด คณะผู้สังเกตการณ์อาเซียน (AOT) ลงพื้นที่ตรวจสอบ กรณีทหารกัมพูชาลักลอบวางทุ่นระเบิดใหม่ที่ฐานปฏิบัติการผาหลวง จ.ศรีสะเกษ ซึ่งเข้าข่าย “ละเมิดปฏิญญาสันติภาพ” ที่ลงนามร่วมกับไทยเมื่อปี 2568 พบการวางทุ่นใหม่แบบ “เจตนาโจมตี” และโชคดีที่บางลูกทำงานไม่สมบูรณ์ ทำให้ไม่มีผู้บาดเจ็บ
- ไทยย้ำ – มนุษยธรรมต้องมาก่อน
กรณีอดีตเชลยศึกกัมพูชาปรากฏตัวอีกครั้งในพื้นที่ปฏิบัติการทางทหาร ฝ่ายไทยยืนยันว่า การดูแลที่ผ่านมาเป็นไปตามหลักมนุษยธรรมสากล และจะไม่ส่งตัวกลับสู่สนามรบทันที หากยังมีความเสี่ยงต่อชีวิตและสุขภาพ
Cr.กรมประชาสัมพันธ์