สทนช. เตือนพายุ “แมตโม” ส่งผลกระทบฝนตกหนัก ภาคเหนือ อีสาน และตะวันออก 7-8 ต.ค. ยืนยันปีนี้ไม่ซ้ำรอยมหาอุทกภัยปี 2554

นายดนุชา พิชยนันท์ เลขาธิการสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) เปิดเผยภายหลังการประชุมติดตามสถานการณ์น้ำว่า ประเทศไทยยังต้องเฝ้าระวังฝนตกหนักในช่วงวันที่ 7–8 ตุลาคมนี้ จากอิทธิพลของพายุ “แมตโม” ซึ่งอาจส่งผลให้มีฝนตกปานกลางถึงหนักในภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคตะวันออก
จากข้อมูลล่าสุด ปริมาณฝนที่ตกในช่วง 2–3 วันที่ผ่านมาเกินกว่าที่คาดการณ์ไว้ ที่ประชุมจึงมีมติให้ปรับแผนระบายน้ำของเขื่อนหลัก เพื่อรักษาความมั่นคงของเขื่อน โดยให้เขื่อนสิริกิติ์ทยอยเพิ่มการระบายน้ำเป็นวันละ 35 ล้านลูกบาศก์เมตร ขณะที่เขื่อนภูมิพลคงการระบายน้ำวันละ 5 ล้านลูกบาศก์เมตร รวมแล้วให้อยู่ในระดับระหว่าง 40–50 ล้านลูกบาศก์เมตรต่อวัน พร้อมให้กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) เตรียมพร้อมในพื้นที่เสี่ยงหากจำเป็นต้องเพิ่มการระบายน้ำ
นอกจากนี้ เนื่องจากปริมาณน้ำจากพื้นที่ตอนบนเริ่มลดลง กรมชลประทานได้ปรับลดการระบายน้ำจากเขื่อนเจ้าพระยาจาก 2,500 เหลือ 2,400 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที ซึ่งช่วยลดระดับน้ำท้ายเขื่อนได้ประมาณ 20–25 เซนติเมตร โดยจะควบคุมการระบายน้ำไม่เกิน 2,500 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที และคงระดับน้ำหน้าเขื่อนที่ไม่เกิน 17 เมตร (ม.รทก.)
เลขาธิการ สทนช. ย้ำว่า แม้อาจเกิดน้ำหลากเฉพาะจุดจากฝนตกหนัก แต่สถานการณ์ปี 2568 ไม่รุนแรงเทียบเท่ามหาอุทกภัยปี 2554 เนื่องจากปี 2554 ประเทศไทยได้รับอิทธิพลจากพายุหลายลูกโดยตรงและอยู่ในสภาวะลานีญารุนแรง ทำให้ปริมาณฝนสูงกว่าค่าปกติถึงร้อยละ 24 ขณะที่ปีนี้อยู่ภายใต้สภาวะลานีญากำลังอ่อน ปริมาณฝนสูงกว่าค่าปกติร้อยละ 7 และเขื่อนหลักยังรองรับน้ำได้อีกกว่า 2,185 ล้านลูกบาศก์เมตร
- ปภ. และกองทัพระดมกำลังช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยในหลายจังหวัด
นายสหรัฐ วงศ์สกุลวิวัฒน์ รองอธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย พร้อมคณะ ลงพื้นที่จังหวัดน่านและสุโขทัย เพื่อติดตามสถานการณ์น้ำและการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัย โดยได้ตรวจเยี่ยมเจ้าหน้าที่ในพื้นที่ พร้อมกำชับให้บริหารจัดการสถานการณ์อย่างเป็นระบบ เร่งช่วยเหลือประชาชนให้ทั่วถึงและเป็นธรรม ทั้งนี้สถานการณ์น้ำในสองจังหวัดมีแนวโน้มดีขึ้นและไม่มีฝนตกเพิ่มเติมในรอบ 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา
ขณะเดียวกัน หน่วยงานในสังกัดกองทัพทั่วประเทศยังคงปฏิบัติภารกิจช่วยเหลือประชาชนอย่างต่อเนื่อง ได้แก่
- จังหวัดอุดรธานี มณฑลทหารบกที่ 24 ร่วมกับชลประทานและประชาชน ทำแนวกั้นน้ำป้องกันน้ำล้นอ่างเก็บน้ำห้วยหลวง
- จังหวัดอุบลราชธานี กองพันทหารราบที่ 3 กรมทหารราบที่ 6 ช่วยขนย้ายสิ่งของและจัดศูนย์พักพิงให้ผู้ประสบภัยน้ำท่วมในเขตอำเภอวารินชำราบ
- จังหวัดอุตรดิตถ์ มณฑลทหารบกที่ 35 ร่วมฟื้นฟูโรงพยาบาลตรอน หลังน้ำลด
- จังหวัดพิษณุโลก มณฑลทหารบกที่ 39 ร่วมกับกลุ่มเซ็นทรัลลงพื้นที่มอบถุงยังชีพกว่า 300 ชุด พร้อมหน่วยแพทย์เคลื่อนที่
- จังหวัดอ่างทอง ทหารและจิตอาสาพระราชทานเสริมแนวป้องกันน้ำจากแม่น้ำเจ้าพระยาในพื้นที่ชุมชนจระเข้ร้อง
- จังหวัดปทุมธานี กองพันทหารสื่อสารที่ 13 แจกจ่ายน้ำดื่มและเสริมแนวกระสอบทรายกว่า 2,000 กระสอบในพื้นที่ชุมชนริมน้ำ
กองทัพบกยืนยันจะคงความพร้อมในการสนับสนุนภารกิจช่วยเหลือประชาชนในทุกพื้นที่ต่อไป จนกว่าสถานการณ์น้ำจะกลับเข้าสู่ภาวะปกติ