รายงานพิเศษ : ปราชญ์เมืองอุบล…รวมพลังสร้างพิพิธภัณฑ์เป็นแหล่งเรียนรู้ระดับประเทศ

   เมื่อ : 22 เม.ย. 2568

           โครงการสร้างพิพิธภัณฑ์บ้านท่าศาลา ตำบลชีทวน อำเภอเขื่องใน จังหวัดอุบลราชธานี เป็นโครงการสำคัญต่อการสร้างแหล่งเรียนรู้ระดับประเทศ และเป็นพิพิธภัณฑ์ท้องถิ่นที่สมบูรณ์ที่สุด ซึ่งมีคณะกรรมการ และผู้ทรงคุณวุฒิจำนวนมากร่วมขับเคลื่อนให้บรรลุเป้าหมาย และบุคคลสำคัญในคณะกรรมการ คือ นายระลึก ธานี ชาวบ้านท่าศาลา ผู้จุดประกายร่วมกับ(บวร) คือ บ้าน วัด โรงเรียน รวมพลังสามัคคี ระดมทรัพยากร เพื่อสร้างพิพิธภัณฑ์ ณ วัดอัมพวันนาราม บ้านท่าศาลา โดยมีวัตถุประสงค์ ดังนี้ 

          1. เพื่อรวบรวมโบราณวัตถุ ศิลปวัตถุ เครื่องมือ เครื่องใช้ในการดำเนินชีวิตประจำวัน เครื่องมือการประกอบอาชีพในท้องถิ่น จัดระบบเพื่อการเรียนรู้ 

          2. เพื่อเป็นแหล่งเรียนรู้สำหรับชาวบ้านท่าศาลา นักเรียน นักศึกษา และประชาชนทั่วไป ได้เรียนรู้ประวัติ ความเป็นมาของชุมชน และขนบธรรมเนียมประเพณี วิถีชีวิต ของชาวบ้านท่าศาลา   

          3. เพื่อเป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม และเป็นศูนย์เรียนรู้ภูมิปัญญาชาวบ้าน มีการอนุรักษ์ และสืบสานมรดก ด้านการศึกษา ศาสนา ศิลปวัฒนธรรม โบราณวัตถุ ให้คงอยู่คู่กับบ้านท่าศาลา และเป็นสมบัติของชาติตลอดไป 

           หากหน่วยงาน สถานศึกษา หรือบุคคลทั่วไป มีความประสงค์ จะร่วมสมทบทุนการก่อสร้าง สามารถบริจาคผ่านบัญชีธนาคารกรุงไทย สาขา ยิ่งเจริญปาร์ค บัญชีเลขที่ 452-0-53255-8 ชื่อบัญชี วัดอัมพวันนาราม (โครงการดำเนินการก่อตั้งพิพิธภัณฑ์บ้านท่าศาลา) หากโอนเงินแล้วกรุณาเก็บหลักฐานไว้เพื่อประกอบการรายงานต่อไป

           นายระลึก ธานี ปราชญ์เมืองอุบลราชธานี ประธานขับเคลื่อนโครงการสร้างพิพิธภัณฑ์บ้านท่าศาลา 

           ประวัติและผลงาน : นายระลึก ธานี เกิดเมื่อวันที่ ๕ ตุลาคม พ.ศ. ๒๔๘๖ ที่บ้านเลขที่ ๙ บ้านท่าศาลา หมู่ที่ ๔ ตำบลชีทวน อำเภอเขื่องใน จังหวัดอุบลราชธานี เป็นบุตรคนที่ ๔ ในจำนวน ๕ คน ของ นายขุนทึง และนางบัวสา ธานี (สกุลเดิม ศรีขาว)

           การศึกษา : นายระลึก ธานี ได้เข้าศึกษาเล่าเรียนในระดับต่างๆ และจบการศึกษาตามลำดับ ดังนี้

           @ จบประโยคประถมศึกษา (ป.๔) จากโรงเรียนบ้านท่าศาลา ตำบลชีทวน อำเภอเขื่องใน จังหวัดอุบลราชธานี ในสมัยนั้นเรียกชื่อว่าโรงเรียนประชาบาล ตำบลชีทวน2 (บ้านท่าศาลา) ปีการศึกษา ๒๔๙๖

           @ จบประโยคมัธยมศึกษาตอนต้น (ม.๓) จากโรงเรียนมัธยมบ้านชีทวน (เป็นโรงเรียนเอกชนตั้งอยู่ที่วัดทุ่งศรีวิไล) ตำบลชีทวน อำเภอเขื่องใน จังหวัดอุบลราชธานี ปีการศึกษา ๒๔๙๙

           @ จบประโยคมัธยมศึกษาตอนปลาย (ม.๖-ตามแผนการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. ๒๔๙๔ จากโรงเรียนสิทธิธรรมศาสตร์ศิลป์ อำเภอเมืองอุบลราชธานี

           @ จบชั้นประโยคเตรียมอุดมศึกษา (ต.อ.๒) แผนกอักษรศาสตร์จากโรงเรียนสิทธิวรม ศาสตร์ศิลป์ อำเภอเมืองอุบลราชธานี จังหวัดอุบลราชธานี ปีการศึกษา ๒๕๐๔

           (ขณะที่เป็นครูโรงเรียนเอกชน) สอบได้วุฒิครูประกาศนียบัตรพิเศษวิชาการศึกษา (พ.ศ.) โดยการศึกษาด้วยตนเองและสมัครสอบหลักสูตรของกระทรวงศึกษาธิการ ปีการศึกษา ๒๕๐๗

สอบได้วุฒิครูพิเศษมัธยม (พ.ม.) โดยการศึกษาหาความรู้ด้วยตนเอง และสมัครสอบ ตามหลักสูตรของกระทรวงศึกษาธิการ ปีการศึกษา ๒๕๐๙

           @ จบปริญญาการศึกษาบัณฑิต (กศ.บ.) วิชาเอกประวัติศาสตร์ จากวิทยาลัยวิชาการ ศึกษาประสานมิตร กรุงเทพมหานคร ปีการศึกษา ๒๕๑๔

           @ จบปริญญาโท การศึกษามหาบัณฑิต (กศ.ม.) สาขาวิชาประวัติศาสตร์ จากมหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒประสานมิตร กรุงเทพมหานคร     

            ในการศึกษาปริญญาโท ดังกล่าว ได้ศึกษาค้นคว้าและทำปริญญานิพนธ์ เรื่อง นโยบายและการจัดการศึกษา ภาคบังคับของไทย ภายหลังการเปลี่ยนแปลงการปกครอง (พ.ศ.๒๔๗๔-๒๕๐๓) โดยมีศาสตราจารย์พิเศษ ดร.เอกวิทย์ ณ ถลาง อธิบดีกรมวิชาการในขณะนั้น เป็นประธานกรรมการควบคุมดูแล และอาจารย์วุฒิชัย มูลศิลป์ เป็นกรรมการ เพื่อเป็นส่วนหนึ่งของการศึกษาตามหลักสูตรปริญญาการศึกษามหาบัณฑิต ซึ่งมหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒประสานมิตร ได้พิจารณาคัดเลือกให้ได้รับพระราชทาน “ทุนภูมิพล” อันเป็นทุนอุดหนุนการวิจัยจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว นับเป็นพระมหากรุณาธิคุณอันหาที่สุดมิได้

            เมื่อจบการศึกษาแล้ว ฯพณฯ ศาสตรจารย์ ดร.ก่อ สวัสดีพาณิชย์ ขณะที่ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวง ศึกษาธิการและศาสตราจารย์พิเศษ ดร.เอกวิทย์ ณ ถลาง ขณะดำรงตำแหน่งอธิบดีกรมวิชาการ ได้แนะนำช่วยเหลือให้ปรับปรุงปริญญานิพนธ์ดังกล่าวเป็นหนังสือทางวิชาการและสำนักพิมพ์ไทยวัฒนาพาณิชได้จัดพิมพ์จำหน่าย ชื่อ วิวัฒนาการในการจัดการศึกษาภาคบังคับของไทย (พ.ศ.๒๔๗๔-๒๕๐๓) นายระลึก ธานี ขอขอบคุณท่านทั้งสามไว้ ณ โอกาสนี้

           @ นอกจากการศึกษาเล่าเรียนจากโรงเรียนและสถาบันการศึกษาต่างๆ แล้ว นายระลึก ธานี ก็ได้ศึกษาหาความรู้ โดยเข้ารับการฝึกอบรม การศึกษาดูงานทั้งในและต่างประเทศ การศึกษาหาความรู้ด้วยตัวเองโดยการอ่านหนังสือ นับได้ว่าเป็นผู้มีนิสัยรักการอ่าน หรือเรียกได้ว่า “เป็นบุคคลแห่งการเรียนรู้” ดังจะได้กล่าวเฉพาะที่สำคัญ ดังนี้

            การฝึกอบรม ได้เข้ารับการฝึกอบรมเพื่อเพิ่มพูนความรู้และประสบการณ์ ในการปฏิบัติงานกว่าร้อยครั้ง หลายหลักสูตร และที่สำคัญคือหลักสูตรนักวางแผนการศึกษาระดับจังหวัด (๔๕ วัน) หลักสูตรเตรียมผู้ช่วย ผู้อำนวยการการประถมศึกษาจังหวัด (๔๕ วัน) หลักสูตรผู้อำนวยการการประถมศึกษาจังหวัด (๒ ครั้ง ครั้งละ ๖๐ วัน)

            การศึกษาดูงานในต่างประเทศ นายระลึก ธานี ได้มีโอกาสเดินทางไปศึกษาดูงานด้านการศึกษาการพัฒนาอื่นๆ ในหลายประเทศ อาทิ มาเลเซีย สิงคโปร์ เกาหลี ญี่ปุ่น อังกฤษ ฝรั่งเศส สหรัฐอเมริกา สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนจีน ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ ฯลฯ

            การรักการอ่าน นับว่าเป็นส่วนสำคัญในชีวิตอีกประการหนึ่ง อันเป็นผลให้การปฏิบัติงานและ การดำรงชีวิตประสบผลสำเร็จพอสมควร โดยส่วนตัวแล้ว นายระลึก ธานี เป็นผู้ที่ชอบอ่านหนังสือ ไฝ่รู้ใฝ่เรียน เพิ่มพูน ความรู้ และประสบการณ์ที่ดีๆ ให้แก่ตนเองอยู่เสมอ 

            นอกจากชอบการอ่านหนังสือแล้ว นายระลึก ธานี ก็ชอบซื้อหนังสือและสะสมหนังสือห้องสมุดที่บ้านมีหนังสือ ประมาณ ๑๒,๐๐๐ เล่ม การอ่านหนังสือ การซื้อหนังสือ การสะสมหนังสือ การจัดเก็บหนังสือในห้องสมุดที่บ้านให้เป็นระเบียบเรียบร้อย เป็นกิจกรรมที่สร้างความสุขให้แก่ชีวิตอีกทางหนึ่ง

            ด้านครอบครัว : นายระลึก ธานี สมรสกับนางสาวนุชยา ธานี พยาบาลวิชาชีพระดับ ๘ อาจารย์ประจำวิทยาลัยพยาบาลบรมราช ชนนีสรรพสิทธิประสงค์อุบลราชธานี มีบุตรี ๒ คน คือ

          ๑. แพทย์หญิงชารียา ธานีจบการศึกษาจากคณะแพทย์ศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น จังหวัดขอนแก่น และจบหลักสูตรแพทย์ประจำบ้าน สาขากุมารเวชศาสตร์ หลักสูตร ๓ ปี ปฏิบัติราชการที่โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ จังหวัดอุบลราชธานี

          ๒. นางสาวชยารัก ธานี จบการศึกษาระดับปริญญาตรี จากคณะวิศวกรรมศาสตร์มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี และจบปริญญาโท Master of Engineering Practice (Engineering Management) จาก University of Wollongong ประเทศ Australia ปฏิบัติงานในตำแหน่งวิศกรประจำบริษัทจอห์นสัน คอนโทรล อินเตอร์เนชั่นนัล จำกัด สำนักงานตั้งอยู่ที่ถนนพระราม ๙ กรุงเทพมหานคร

ตำแหน่งหน้าที่ราชการ: นายระลึก ธานี ได้เริ่มปฏิบัติงานเป็นครูผู้สอนโรงเรียนมัธยมวิฑูรวิทยาคาร ซึ่งเป็นโรงเรียนเอกชน (โรงเรียน ราษฎร์) เป็นเวลาปีเศษ หลังจากศึกษาหาความรู้ด้วยตนเองและสอบได้วุฒิครู ประกาศนียบัตรพิเศษวิชาการศึกษา (พ.ภศ.) แล้ว ก็ได้สอบแข่งขันเพื่อบรรจุเข้ารับราชการเป็นข้าราชการครู และได้ปฏิบัติหน้าที่ในตำแหน่งต่างๆ ดังนี้

           - ปี พ.ศ. ๒๕๐๘ - ๒๕๐๙ เป็นครูผู้สอนโรงเรียนบ้านป่าก้าว อำเภอเดชอุดม (ปัจจุบันเป็นอำเภอนาจะหลวย) จังหวัดอุบลราชธานี ในตำแหน่งครูจัตวาอันดับ ๒ ขั้น ๖๐๐ บาท สังกัด กรมสามัญศึกษา กระทรวงศึกษาธิการ

            - ปี พ.ศ. ๒๕๐๙ - ๒๕๑๖ เป็นครูใหญ่จัตวา และครูใหญ่ตรี โรงเรียนบ้านคำบอน อำเภอเดชอุดม (พ.ศ. ๒๕๑๕ เป็นอำเภอนาจะหลวย) จังหวัดอุบลราชธานี สังกัดกรมสามัญศึกษ กระทรวงศึกษาธิการ (หลังวันที่ ๑ ตุลาคม พ.ศ.๒๕๐๙ เปลี่ยนเป็นสังกัดองค์การบริหารส่วนจังหวัดอุบลราชธานี)

            - ปี พ.ศ. ๒๕๑๖ - ๒๕๑๗ เป็นครูตรีโรงเรียนบ้านหวาง อำเภอเขื่องใน จังหวัดอุบลราชธานี

            - ปี ๒๕๑๗-๒๕๒๕ เป็นครูตรี และครูโท โรงเรียนบ้านแขม (ธรรมเสนานุสรณ์) อำเภอเขื่องใน สังกัด องค์การบริหารส่วนจังหวัดอุบลราชธานี (หลังวันที่ ๑ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๒๓ เป็น สังกัดสำนักงานคณะกรรมการการประถมศึกษาแห่งชาติ)

            - ปี ๒๕๒๕-๒๕๓๒ เป็นศึกษานิเทศก์ สำนักงานการประถมศึกษาจังหวัดอุบลราชธานี (บางช่วงเวลา ได้ปฏิบัติหน้าที่หัวหน้าฝ่ายแผนพัฒนา หัวหน้าฝ่ายนิเทศการศึกษา และหัวหน้าฝ่ายพัฒนาการเรียนการสอน)

            - ปี พ.ศ. ๒๕๓๓ - ๒๕๓๗ เป็นผู้ช่วยผู้อำนวยการการประถมศึกษาจังหวัดยโสธร

            - ปี พ.ศ. ๒๕๓๗-๒๕๔๐ เป็นผู้ช่วยผู้อำนวยการการประถมศึกษาจังหวัดสุรินทร์

            - ปี พ.ศ. ๒๕๔๐-๒๕๔๓๒ เป็นผู้ช่วยผู้อำนวยการการประถมศึกษาจังหวัดศรีสะเกษ

            - ปี พ.ศ. ๒๕๔๒-๒๕๔๓ เป็นผู้อำนวยการการประถมศึกษาจังหวัดร้อยเอ็ด

            - ปี พ.ศ. ๒๕๔๓-๒๕๔๔ เป็นผู้อำนวยการการประถมศึกษาจังหวัดหนองบัวลำภู

            - ปี พ.ศ. ๒๕๕๕-๒๕๔๖ เป็นผู้อำนวยการการประถมศึกษาจังหวัดอุบลราชธานี

            เกษียณอายุราชการเมื่อวันที่ ๓๐ กันยายน พ.ศ.๒๕๔๖ ในตำแหน่ง ผู้อำนวยการการประถมศึกษาจังหวัดอุบลราชธานี

ด้านหนังสือประวัติศาสตร์ที่สำคัญ เช่น 

๑) หนังสือ พลตรีพระเจ้าบรมวงศ์เธอกรมหลวงสรรพสิทธิประสงค์ : พระประวัติและพระกรณียกิจ ที่สำคัญ เป็นงานเขียนร่วมกับนักวิชาการคนอื่นๆ ดำเนินการโดยมณฑลทหารบกที่ ๖ ซึ่งจัดพิมพ์เป็นที่ระลึก เนื่องในพิธีเปิดพระอนุสาวรีย์ พลตรีพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมหลวงสรรพสิทธิประสงค์ เมื่อ พ.ศ. ๒๕๒๓ ณ บริเวณค่ายสรรพสิทธิ ประสงค์ อำเภอวารินชำราบ จังหวัดอุบลราชธานี

(๒) หนังสืออุบลราชธานีในอดีต (พ.ศ.๒๓๓๕ - ๒๔๗๔) เป็นเอกสารงานวิจัยเชิงประวัติศาสตร์ว่าด้วยประวัติศาสตร์เมืองอุบลราชธานีในด้านต่างๆ ระหว่าง พ.ศ. ๒๓๓๕ - ๒๔๗๕ จัดพิมพ์ครั้งแรกโดยสำนักงาน ศึกษาธิการจังหวัดอุบลราชธานี เมื่อพ.ศ. ๒๕๒๔

๓) หนังสือ ๖๐ ปี การประถมศึกษาไทย เป็นการศึกษาค้นคว้าเรียบเรียงร่วมกับคณะทำงาน ของสำนักงานคณะกรรมการการประถมศึกษาแห่งชาติ (ต่อไปจะใช้ สปช.) ที่มี ดร.รุ่ง แก้วแดง รองเลขาธิการฯ ในขณะนั้นเป็นประธาน ซึ่งสปช. จัดพิมพ์เผยแพร่เนื่องในโอกาสประกาศใช้พระราชบัญญัติประถมศึกษา พ.ศ. ๒๔๖๔ ครบ ๖๐ ปี เมื่อ พ.ศ. ๒๕๒๔

๔) หนังสือ นักการประถมศึกษาที่ดีเด่น เป็นการศึกษาค้นคว้าพิจารณาคัดเลือกนักการประถมศึกษาที่ดีเด่น ร่วมกับคณะกรรมการของกระทรวงศึกษาธิการ โดยมีศาสตราจารย์พิเศษ ดร.เอกวิทย์ ณ ถลาง อธิบดีกรม วิชาการ ในขณะนั้น เป็นประธานฯ และสปช. จัดพิมพ์เป็นที่ระลึกในวาระครบรอบ ๖๐ ปี ของการประกาศใช้ พรบประถมศึกษา พ.ศ.๒๔๖๔ ในวันประถมศึกษาแห่งชาติ วันที่ ๒๕ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๒๔

๕) หนังสือ ๒๐๐ ปีการศึกษาไทย ศึกษาค้นคว้า เรียบเรียงร่วมกับคณะกรรมการของกระทรวงศึกษาธิการ โดยมีศาสตราจารย์พิเศษ ดร.เอกวิทย์ ณ ถลาง เป็นประธาน กระทรวงศึกษาธิการ จัดพิมพ์เนื่องในโอกาส สมโภชกรุงรัตนโกสินทร์ ครบ ๒๐๐ ปี พ.ศ. ๒๕๒๕

๖) หนังสือ หม่อมเจ้าหญิงบุญจิราธร (ชุมพล) จุฑาธุชอนุสรณ์ เป็นผู้เขียนบางส่วน และ ทำหน้าที่บรรณาธิการด้วย วิทยาลัยพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ อุบลราชธานี จัดพิมพ์เป็นที่ระลึก เนื่องในพิธีเปิดอนุสาวรีย์หม่อม เจ้าหญิงบุญจิราธร (ชุมพล) จุฑาธุช ณ วิทยาลัยพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์อุบลราชธานี เมื่อวันที่ ๑๐ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๒๕

๗) หนังสือ บ้านชีทวนเป็นการศึกษาค้นคว้าและวิจัยในเชิงประวัติศาสตร์เกี่ยวกับประวัติศาสตร์ ของบ้านชีทวนในด้านต่างๆ จัดพิมพ์เป็นที่ระลึกในงานยกช่อฟ้าอุโบสถและตัดลูกนิมิต วัดธาตุสวนตาล บ้านชีทวน ตำบล ชีทวน อำเภอเขื่องใน จังหวัดอุบลราชธานี เมื่อวันที่ ๑๓-๑๕ เมษายน พ.ศ. ๒๕๒๗

๘) หนังสือ ประวัติมหาดไทยส่วนภูมิภาค จังหวัดอุบลราชธานี โดย เป็นผู้เขียนบางส่วนและ เป็นบรรณาธิการด้วย จังหวัดอุบลราชธานีจัดพิมพ์เผยแพร่ เมื่อ พ.ศ.๒๕๒๗

๙) หนังสือ ๑๐๐ ปี การประถมศึกษาเพื่อทวยราษฎร์ ศึกษาค้นคว้าเรียบเรียงร่วมกับคณะทำงานของ สปช. จัดพิมพ์เผยแพร่ เมื่อ พ.ศ. ๒๕๒๗

๑๐) หนังสืออุบลราชธานี เมืองนักปราชญ์ เมื่อ พ.ศ.๒๕๕๒

๑๑) หนังสืออุบลราชธานี ๒๒๒ ปี เมื่อ พ.ศ.๒๕๕๗

๑๒) หนังสือใต้ร่มพระบารมี ๖๐ ปี ในหลวงเสด็จฯอุบลราชธานี เมื่อ พ.ศ.๒๕๕๙

๑๓) หนังสือ คู่มือชุดพัฒนาทักษะผู้นำชุมชน ของโรงเรียนในโครงการศึกษาเพื่อพัฒนาหมู่บ้าน ในเขตชนบทยากจน (กศ.พ.) เป็นการศึกษาค้นคว้าและเรียบเรียงร่วมกับคณะศึกษานิเทศก์ สปจ.อุบลราชธานี และ ยโสธร (ผู้รับผิดชอบโครงการ) สปช.จัดพิมพ์เผยแพร่ เมื่อ พ.ศ. ๒๕๒๘ และเอกสารทางวิชาการอีกหลากหลาย

เกียรติคุณที่ได้รับ : จากผลงานที่ได้กล่าวมาแล้ว ทั้งที่เป็นงานในหน้าที่ที่รับผิดชอบ งานที่รับมอบหมายจากผู้บังคับบัญชา งานที่เป็นความคิดริเริ่มสร้างสรรค์ งานเขียนเอกสารทางวิชาการ งานที่ได้สนับสนุนชุมชน และอื่นๆ อันเป็นผลดีต่องาน ในหน้าที่การพัฒนาสังคม การพัฒนาคุณภาพการศึกษา และการพัฒนาคุณภาพนักเรียนเป็นอย่างมาก นายระลึก ธานี จึงได้รับการคัดเลือกให้เป็นบุคคลดีเด่น และผู้บริหารดีเด่นหลายรายการ คือ 

          @ รางวัล บุคคลที่ประพฤติปฏิบัติงานดีเด่นทางการศึกษา จากสมาคมนักข่าว จังหวัดอุบลราชธานี เมื่อ ๕ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๓๒

          @ รางวัล บุคคลดีเด่นด้านการบริหารการศึกษา จาก สปช. เนื่องใน วันประถมศึกษาแห่งชาติ ประจำปี พ.ศ. ๒๕๓๙ เมื่อ ๒๕ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๓๙

            @ รางวัล ผู้อำนวยการการประถมศึกษาจังหวัดที่เป็นผู้นำการบริหารการ จัดการศึกษาขั้นพื้นฐานผ่านเกณฑ์มาตรฐาน จาก สปช. เนื่องในงาน วันประถมศึกษาแห่งชาติ ประจำปี ๒๕๔๔ เมื่อ ๒๕ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๔๔

            @ รางวัล เครื่องหมายเชิดชูเกียรติ “ครุสดุดี” จากสำนักงานเลขาธิการ คุรุสภา เนื่องในวันครูโลก เมื่อ ๕ ตุลาคม พ.ศ.๒๕๔๕

            @ รางวัล ผู้บริหารการศึกษาขั้นพื้นฐานดีเด่น ประจำปี ๒๕๕๔ จาก สปช. เนื่องในงานวันประถมศึกษาแห่งชาติ ปี ๒๕๔๕

            @ รางวัล สำนักงานการประถมศึกษาจังหวัดดีเด่น ประจำปี ๒๔๔๔ จาก สปช. เนื่องในงานวันประถมศึกษาแห่งชาติ ปี ๒๕๔๕ ในขณะที่ดำรงตำแหน่ง ผู้อำนวยการการประถมศึกษาจังหวัดอุบลราชธานี

            @ รางวัล รางวัลเกียรติยศบุคลากรของแผ่นดิน สาขาบริหารการศึกษา “คุณธรรมดีเด่น” จากสโมสรนักบริหารการศึกษา เมื่อ ๔ ธันวาคม พ.ศ.๒๕๔๕

            @ รางวัล “ครูผู้ประพฤติปฏิบัติตนมีจรรยามารยาทดีเด่น” ประจำปี ๒๕๕๔ จากสำนักงานคุรุสภาจังหวัดอุบลราชธานี เมื่อ ๑๖ มกราคม พ.ศ. ๒๕๔๖

           @ รางวัล “ครูตัวอย่างแห่งปี ๒๕๔๕” จากนิตยสารคนสร้างชาติ เมื่อ ๑๘ มกราคม ๒๕๔๖

            @ รางวัล “ครอบครัวตัวอย่าง” ครอบครัวของนายระลึก ธานี ได้รับการคัดเลือกจากจังหวัดอุบลราชธานี ให้เป็น “ครอบครัวตัวอย่าง” ประจำปี ๒๕๕๙ ตามโครงการประกวดครอบครัวตัวอย่างเทิดพระเกียรติพระบาทสมเด็จ พระเจ้าอยู่หัว เนื่องในวโรกาส ทรงครองสิริราชสมบัติครบ ๖๐ ปี 

            ปัจจุบัน นายระลึก ธานี กับครอบครัวใช้ชีวิตอย่าง “เป็นสุข” และ “พอเพียง” ตามแนวทางปรัชญา “เศรษฐกิจ พอเพียง” ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ที่บ้านเลขที่ 5 ซอยราชินทร์ ถนนแจ้งสนิท ตำบลในเมือง อำเภอเมือง อุบลราชธานี จังหวัดอุบลราชธานี และที่บ้านสวน “กระท่อมเป็นสุข” ในบริเวณ ”ไร่เป็นสุข” หมู่ที่ ๑๑ บ้านแขม ตำบล หัวดอน อำเภอเขื่องใน จังหวัดอุบลราชธานี 

            โดยเฉพาะที่ “ไร่เป็นสุข” เนื้อที่ประมาณ ๔๐ ไร่ ได้ดำเนินการตามแนวทาง เกษตรทฤษฎีใหม่ ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว กล่าวคือ ปลูกสวนป่า ประมาณ ๑๐ ไร่ ปล่อยไว้เป็นป่าธรรมชาติประมาณ ๕ ไร่ เป็นที่นาประมาณ ๔ ไร่ เป็นบ่อเลี้ยงปลา ๔ ไร่ (จํานวน ๔ ไร่ (จำนวน ๙ บ่อ) เป็นที่ปลูกพืชเศรษฐกิจ มะม่วง มะพร้าวกล้วย ฝรั่ง แก้วมังกร มะละกอ พืชผักสวนครัว ฯลฯ) รวมประมาณ ๑๐ ไร่ ปลูกบ้านอยู่อาศัย ๑ ไร่

            สิ่งที่ขอฝากไว้กับคณะผู้บริหารการศึกษา ผู้บริหารสถานศึกษา ครู และบุคลากรทางการศึกษา ในจังหวัดอุบลราชธานีทุกๆ คนก็คือ “การพัฒนาคุณภาพนักเรียน” ให้นักเรียนของจังหวัดอุบลราชธานีทุกคนในทุกระดับและทุกสังกัด ให้เป็นผู้มีความรู้ ความสามารถ มีคุณภาพ เป็นผู้ใฝ่เรียนใฝ่รู้สมกับที่ได้ชื่อว่า “อุบลราชธานีเมืองนักปราชญ์”  ซึ่งอาจกระทำได้โดยการเน้น ในเรื่องการปฏิรูปกระบวนการเรียนรู้ การส่งเสริมให้นักเรียนรักการอ่าน การพัฒนาห้องสมุด และแหล่งเรียนรู้ที่หลากหลาย การปลูกฝังคุณธรรม จริยธรรม เป็นต้น

            โดยภาพรวมของชีวิตและผลงานของนายระลึก ธานี ชีวิตที่ถือกำเนิดมาจากลูกชาวนาที่ค่อนข้างยากจน ชีวิตที่กำพร้าพ่อมาตั้งแต่อายุเพียง ๕ ขวบ แต่ก็ได้รับการเลี้ยงดูเป็นอย่างดีจากแม่ผู้แข็งแกร่ง ชีวิตที่รักการเรียน การใฝ่เรียนใฝ่รู้ การเป็นผู้รักการอ่าน และหาประสบการณ์ดีๆ 

            สำหรับการดำรงชีวิต และการปฏิบัติงานให้แก่ตนเองอยู่เสมอ จนได้มีโอกาสเป็นนักวิชาการและนักบริหารการศึกษาที่สำคัญคนหนึ่ง รวมทั้งได้รับการยอมรับจากเพื่อนข้าราชการ ครู ให้เป็นผู้แทนครูในคณะกรรมการในทุกระดับ     

            นอกจากนั้นก็ได้รับการยอมรับจากหน่วยงานอื่น ทั้งภาครัฐและเอกชน ให้เป็นผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการหลายคณะ

            งานด้านช่วยเหลือสังคม ชุมชน ด้านการศึกษา ด้านการศาสนา ส่วนการอ่านและการเขียนหนังสือก็ได้ถือปฏิบัติดีอยู่เป็นประจำ

          นับเป็นบุคคลสำคัญ และได้รับยกย่องเชิดชู เป็นบุคคลแห่งการเรียนรู้และนักปราชญ์เมืองอุบลราชธานี ซึ่งจะเป็นแบบอย่างในการครองตน ครองคน ครองงาน แก่อนุชนรุ่นใหม่และบุคคลทั่วไป อย่างแท้จริง

       ………

  • ปัญญา แพงเหล่า/รายงาน

       22 เมษายน 2568