มาตรการสร้างรายได้การท่องเที่ยว กระตุ้นเศรษฐกิจ

   เมื่อ : 02 ต.ค. 2566

          การพลิกฟื้นเศรษฐกิจด้วยการท่องเที่ยว ถือเป็นนโยบายเร่งด่วนที่รัฐบาลให้ความสำคัญ เพราะการท่องเที่ยวถือเป็นกุญแจดอกแรกในการสร้างรายได้ที่ สามารถกระตุ้นเศรษฐกิจและสร้างงานให้กับประชาชนเป็นจำนวนมาก สำหรับมาตรการการท่องเที่ยวนี้สามารถสะท้อนถึงศักยภาพด้านการท่องเที่ยว และส่งเสริมภาพลักษณ์ประเทศไทยในฐานะจุดหมายปลายทางยอดนิยม ของนักท่องเที่ยวจากทั่วทุกมุมโลกได้

            ขณะนี้ตัวเลขนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางมาไทยฟื้นตัวกว่า 80% ของช่วงก่อนโควิดแล้ว เหลือแค่นักท่องเที่ยวจีนที่ยังฟื้นตัวไม่ถึง 30% โดยในช่วง 7 เดือนแรกของปีนี้มีนักท่องเที่ยวจีนมาเที่ยวไทย 1.85 ล้านคนเท่านั้น ตั้งเป้าปีนี้จะดึงนักท่องเที่ยวจีนให้ได้ 5 ล้านคน หนึ่งในมาตรการ คือ มาตรการเชิงรุกด้านการอำนวยความสะดวกในการเดินทางมาท่องเที่ยวในประเทศไทย (Ease of Traveling) ผ่านมาตรการยกเว้นการตรวจลงตรา (Visa Exemption) สำหรับผู้ที่ถือหนังสือเดินทางหรือเอกสารใช้แทนหนังสือเดินทางสัญชาติจีนและคาซัคสถาน ตั้งแต่วันที่ 25 กันยายน 2566 - 29 กุมภาพันธ์ 2567 ตามประกาศกระทรวงมหาดไทย ลงวันที่ 18 กันยายน 2566 ซึ่งทั้งสองตลาดถือเป็นตลาดศักยภาพและมีอัตราการเติบโตอย่างมีนัยยะสำคัญต่อการฟื้นฟูภาพรวมการท่องเที่ยวไทย คาดการณ์วันชาติจีน นักท่องเที่ยวจีนเดินทางเข้าไทย 21 ล้านคน

            ในช่วงวันหยุดยาว “โกลเด้น วีค” ตั้งแต่วันที่ 29 ก.ย. - 6 ต.ค. ตรงกับเทศกาลไหว้พระจันทร์และวันหยุดเฉลิมฉลองวันชาติจีน จะมีนักท่องเที่ยวเข้ามาจำนวนมาก เพราะเป็นช่วงหยุดยาว คาดว่าจะมีนักเดินทางจำนวนกว่า 21 ล้านคน พึ่งพาเที่ยวบินต่าง ๆ ตลอดวันหยุดยาว 8 วันนี้

            มาตรการยกเว้นการตรวจลงตรา (Visa Exemption) จะสามารถกระตุ้นตลาดนักท่องเที่ยวจีน ให้เดินทางเข้าประเทศไทยประมาณ 4.01 – 4.4 ล้านคนในปี 2566 และผลักดันรายได้ตลาดนักท่องเที่ยวจีนสู่เป้าหมาย 257500 ล้านบาท ขณะที่คาดว่าในช่วง 5 เดือนที่มีมาตรการยกเว้นการตรวจลงตราจะมีจำนวนนักท่องเที่ยวจีนเดินทางเข้าประเทศประมาณ 2888500 คน สร้างรายได้ 140313 ล้านบาท คิดเป็นอัตราการฟื้นตัวร้อยละ 62 เมื่อเทียบกับปี 2562 

            ขณะที่คาดว่านักท่องเที่ยวคาซัคสถานจะเดินทางเข้าประเทศไทยจำนวน 150000 คน ในปี 2566 และคาดว่าในช่วง 5 เดือนของการยกเว้นการตรวจลงตราจะมีนักท่องเที่ยวคาซัคสถานจำนวนประมาณ 129485 คน เพิ่มขึ้นร้อยละ 49.7 เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่ผ่านมา สร้างรายได้ประมาณ 7930 ล้านบาท

            มาตรการดังกล่าวจะช่วยคลี่คลายข้อจํากัดในการเดินทางของนักท่องเที่ยว ทั้งเรื่องระยะเวลาและค่าใช้จ่าย ส่งผลให้นักท่องเที่ยวตัดสินใจเดินทางมาท่องเที่ยวประเทศไทยได้ง่ายขึ้น โดยเฉพาะกลุ่มครอบครัว กลุ่มทัวร์ และกลุ่ม Incentive ประกอบกับช่วงเวลาดำเนินมาตรการถือเป็นช่วงเวลาที่เหมาะสม ครอบคลุมช่วง Golden week ที่นักท่องเที่ยวชาวจีนนิยมออกเดินทางท่องเที่ยวต่อเนื่องถึงช่วงเทศกาลวันหยุดปีใหม่ จะยิ่งช่วยผลักดันสู่เป้าหมายภาพรวมอุตสาหกรรมท่องเที่ยวที่ตั้งไว้ของปี 2566 จํานวนนักท่องเที่ยวต่างชาติ 25 - 30 ล้านคน และสร้างรายได้จากตลาดต่างประเทศ ให้กลับมาในอัตราร้อยละ 80 ของปี 2562 ที่ 1.5 ล้านล้านบาท พร้อมมุ่งสู่เป้าหมายรายได้รวม 2.38 ล้านล้านบาท

            ข้อมูล ณ วันที่ 25 ก.ย. 2566 พบว่าไทยมีนักท่องเที่ยวต่างชาติตลอดทั้งสัปดาห์ (18-24 ก.ย. 2566) มีจำนวนทั้งสิ้น 481404 คน คิดเป็นจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางเข้าประเทศไทยเฉลี่ยวันละ 68772 คน ทำให้จำนวนนักท่องเที่ยวสะสมตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค. 2566 ที่ผ่านมา ทั้งสิ้น 19499116 คน สร้างรายได้จากการใช้จ่ายของนักท่องเที่ยวต่างชาติแล้ว 815597 ล้านบาท โดยสัปดาห์ที่ผ่านมา นักท่องเที่ยวจากมาเลเซียเป็นนักท่องเที่ยวที่เดินทางเข้าไทยมากที่สุด จำนวน 78042 คน รองลงมา ได้แก่ จีน (61728 คน) อินเดีย (30679 คน) เกาหลีใต้ (29856 คน) และลาว (24470 คน) คมนาคมเสนอแผนรองรับนักท่องเที่ยว จ. ภูเก็ต และเชียงใหม่ นายกฯ ให้ความสำคัญ Quick Win ใช้จังหวัดภูเก็ตและจังหวัดเชียงใหม่ เป็นเกตเวย์ในการดึงดูดนักท่องเที่ยว 

  • ภูเก็ต - นายกรัฐมนตรีได้เร่งรัดให้กระทรวงคมนาคมทำแผนเพื่อทำให้ภูเก็ตสามารถรองรับนักท่องเที่ยวเพิ่มได้ 5.5 ล้านคน เพื่อให้นักท่องเที่ยวเดินทางมาสะดวกสบาย รวมทั้งการคมนาคมขนส่งจากจังหวัดภูเก็ตไปยังแหล่งท่องเที่ยวอื่น ๆ ได้ ซึ่งกระทรวงคมนาคมจะรีบเสนอแผนงานมา โดยด่วน มีทั้งหมด 7 โครงการ เช่น โครงการก่อสร้างขยายช่องทางจราจร ทางหลวงหมายเลข 4027 ช่วง บ.พารา-บ.เมืองใหม่ โครงการพัฒนาระบบขนส่งมวลชน จ.ภูเก็ต โครงการรถไฟฟ้ารางเบา โครงการทางพิเศษ จ.ภูเก็ต 
  • ระยะที่ 1 ช่วงกะทู้-ป่าตอง 

เชียงใหม่ – จากการลงพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ นายกฯได้หารือกับผู้อำนวยการบริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) เห็นควรดำเนินการให้ท่าอากาศยานเชียงใหม่เปิดให้บริการ 24 ชั่วโมง ได้ภายในวันที่ 1 พ.ย. 2566 เป็นต้นไป โดยให้มีการเพิ่มเที่ยวบินในช่วงหลังเที่ยงคืน เพื่อรองรับผู้โดยสารและนักท่องเที่ยวที่มีแนวโน้มที่จะเดินทางไปยังจังหวัดเชียงใหม่ และพื้นที่ใกล้เคียงเพิ่มมากขึ้น ซึ่งจะเป็นผลดีต่อการขับเคลื่อนและการขยายตัวทางเศรษฐกิจในภาคการท่องเที่ยวและการให้บริการของจังหวัดเชียงใหม่ และจังหวัดใกล้เคียง

            นอกจากนี้คมนาคม ยังมีแผนเร่งพัฒนาบุคลากรให้เพียงพอรองรับการเติบโตของอุตสาหกรรมการบิน โดยเฉพาะช่างซ่อมเครื่องบินซึ่งขาดแคลนมาก โดยจะร่วมมือกับสถาบันอุดมศึกษานำเทคโนโลยีที่ทันสมัยมาใช้ในหลักสูตรการเรียนการสอน รวมทั้งจัดโรดโชว์จูงใจนักศึกษา 

  • ททท. กำหนดมาตรการส่งเสริมในระยะเร่งด่วน

ททท.​ ได้กำหนดมาตรการส่งเสริมในระยะเร่งด่วน Quick win 3 เดือน​ เน้นกระตุ้นการตลาดส่งเสริมการขาย มาตรการปลดล็อคอุปสรรคการเดินทาง เสริมสร้างภาพลักษณ์ และ​มาตรการส่งเสริมระยะ​ Long​term ในการช่วยเหลือและเสริมสร้างความเข้มแข็งให้กับผู้ประกอบการภาคอุตสาหกรรม​ท่องเที่ยว ในการเตรียมความพร้อมตอบโจทย์นักท่องเที่ยวกลุ่มคุณภาพ​ และกระแสความยั่งยืน

            นอกจากนี้ยังได้กำหนดกลยุทธ์ในการขับเคลื่อนการตลาดการท่องเที่ยว กระตุ้นการเดินทางของกลุ่มนักท่องเที่ยวกระแสหลัก ท่องเที่ยวเมืองรอง เที่ยววันธรรมดา ส่งเสริมการใช้จ่ายและเที่ยวเทศกาลงานประเพณี ตอกย้ำ Thailand Soft Power ชูจุดแข็งเป็นจุดขายสร้างรายได้อย่างยั่งยืน ให้สอดคล้องกับแผนพัฒนาเศรษฐกิจ BCG Model SDGs x STGs x STEs พัฒนาเศรษฐกิจฐานรากและการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน.

Cr.สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดอุบลราชธานี