13 ตุลาคม - วันนวมินทรมหาราช

   เมื่อ : 13 ต.ค. 2567
  • วีระศักดิ์ โควสุรัตน์

            ผ่านไปแล้ว 8 ปี ของการเสด็จสวรรคตของ พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนารถบพิตร ผู้ทรงมีพระมหากรุณาธิคุณล้นเกล้าล้นกระหม่อมแก่อาณาประชาราษฏร์ ตลอดรัชสมัยของพระองค์ ด้วยได้ทรงบำเพ็ญพระราชกรณียกิจน้อยใหญ่ นานัปการเพื่อความวิวัฒน์พัฒนาของบ้านเมือง เป็นคุณประโยชน์อเนกอนันต์และยังความผาสุกร่มเย็นแก่พสกนิกร พระเกียรติคุณเป็นที่แซ่ซ้องก้องประจักษ์ทั้งแก่ชาวไทยและนานาประเทศ 

            วันที่ 13 ตุลาคม ของแต่ละปีนับแต่พ.ศ. 2559 นั้น พสกนิกรก็ยังคำนึงถึง นึกซาบซึ้งในพระมหากรุณาธิคุณด้วยการร่วมรำลึกและน้อมสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณอันหาที่สุดมิได้แห่งพระมหากษัตริย์ผู้ทรงมีคุณูปการอันยิ่งใหญ่

คนไทยยุคผมและก่อนหน้า คุ้นเคยยิ่งกับการเทิดทูน “ในหลวง” เป็น ”พระ”-”เป็นเจ้า” ที่อยู่เหนือหัวของพวกเราทุกคน

ทหารเก่า นักรบชราหลายต่อหลายท่าน เคยเล่าให้คนรุ่นผมฟังว่า ในภาวะคับขันในป่าเขา หากไม่มีพระเครื่องห้อยคอ พวกท่านหลายต่อหลายคนก็เอาเหรียญบาทในกระเป๋ากางเกงออกมากัดหรือมากำ เพื่ออธิษฐานขอพระบารมีคุ้มครองและก้มหน้าก้มตาต่อสู้อริยราชศัตรู ถวายชีพเป็นราชพลีมานักต่อนักแล้ว

            ภาพพระบรมฉายาลักษณ์ของพระองค์ท่านในพระอริยาบทต่างๆ เป็นรูปที่มีกันอยู่ทุกบ้าน แม้บนรถเข็นขายของ รถเก็บของเก่า ล็อกเก็ตห้อยคอ ก็ยังมี บ่อยครั้งก็เห็นอยู่บนหิ้งบนชั้นบูชา จนบางทีราวกับเพื่อประดับ คือเป็นทั้งมงคล เป็นทั้งศิลปความงามของวัฒนธรรมคนไทย แม้ไปในต่างแดนก็ยังแอบเห็นบ่อยๆ

            ในยามมีเหตุอาเพทภัย ผู้คนในตรอกซอยน้อยใหญ่ก็จะนึกถึงพระองค์ท่านในฐานะทรงเป็นเทวดาประจำบ้าน ประจำเมือง และประจำใจ เป็นสัญลักษณ์ที่คนไทยยึดเหนี่ยว ทั้งในวันที่สุข และในวันที่มีทุกข์ ซึ่งจะว่าไปอีกที เราเองก็นึกถึงพระองค์ท่านในฐานะที่ทรงเป็น ”ฟ้า” เสียด้วยซ้ำ

            ทรงเป็นยิ่งกว่าพระราชา

            ผมโตมาจากวัยเด็กที่จังหวัดอุบลราชธานี พ่อแม่ของบัณฑิตใหม่ทั้งบางจะเอาภาพลูกรับพระราชทานปริญญาแขวนไว้บนผนัง และจะแขวนอยู่อย่างนั้นไปนาน แต่ไม่ค่อยเห็นว่ามีพ่อแม่ไหนเอาแต่ตัวใบปริญญาลูกใส่กรอบขึ้นแขวน นั่นเพราะท่านภูมิใจที่ลูกหลานของท่าน ได้รับพระราชทานจากพระหัตถ์บ้าง แม้แต่รับพระราชทานจากพระบรมวงศานุวงษ์ของท่านก็ยังดี สิ่งที่อวดกันในที จึงไม่ใช่เรื่องใครเรียนดีมาจากไหนสักเท่าไหร่ แต่ดูจะภูมิใจประกาศว่า เลือดเนื้อเชื้อไขในตระกูลของฉันได้รับโอกาสอยู่ใกล้ต่อหน้าพระพักตร์ ขนาดระยะมือเอื้อมถึงกันและกันได้ต่างหาก

            ย้อนหลังไป 8 ปีที่แล้ว หลังทรงเสด็จสวรรคตไปหลายวัน ผมจำได้ถึงความคิดของตนเองตอนคุกเข่าลงบรรจงพับผืนธง ภปร.สีเหลืองประจำบ้าน เตรียมเก็บเข้าไว้ใต้ฐานพระบนหิ้ง เก็บเข็มที่ระลึกนับสิบที่เคยติดหน้าอกและปกเสื้อ เข้ากล่องอย่างใจหาย ว่าคงจะไม่ได้นำออกมาใช้อีกแล้ว แต่ไม่เคยคิดจะทิ้ง เพราะเข็มเหล่านั้นมีความทรงจำอันสำคัญฝังติดตัวประกอบประสบการณ์มาทุกชิ้น คิดคำนึงย้อนหลังไปอย่างสงบอีกครั้ง...ว่าเคยไปร่วมงานพระราชพิธีธรรม การบำเพ็ญพระราชกุศลพระบรมศพหลายต่อหลายหนบนพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ท่ามกลางความเศร้าโศกวิปโยคร่วมกับพี่น้องทั้งแผ่นดิน

            จำได้ถึงวันถวายดอกไม้จันทน์พร้อมกันบนเมรุหลวง ที่พี่น้องไทยทุกจังหวัด จัดพิธีร่วมกับพระราชพิธีที่กลางสนามหลวง หลายที่มีฝนหลั่งดั่งสั่งฟ้า ภาพแม่อุ้มท้องพาทารกในครรภ์ขึ้นเมรุร่วมกันวางดอกไม้จันทน์ส่งเสด็จฯ สู่สวรรคาลัยเป็นครั้งสุดท้าย ภายใต้ความเปียกปอน ภาพเด็กนักเรียนจับมือจูงกันขึ้นบันไดไปร่วมส่งเสด็จฯ ล้วนเป็นความทรงจำสำคัญของแผ่นดิน

            ความทรงจำสำคัญของภาคประชาชนต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ของพวกเขา

            ในปีนี้ ผมได้เห็นพลังหลั่งไหลของน้ำใจไทย ที่เทกระหน่ำตามกันไปช่วยเหตุมหาอุทกภัยที่ไหลมาด้วยคลื่นโคลนถล่มเมืองในแม่สาย จังหวัดเชียงราย น้ำป่าบ่าไหลท่วมเชียงใหม่ ฮีโร่ที่เราทั้งรู้จักชื่อและไม่รู้จักนามมากมายนับพันนับหมื่นต่างโถมเข้าไปช่วย เสี่ยงชีวิต ทิ้งเวลาส่วนตน ไปช่วยบรรเทาภัย ไปช่วยแบ่งเบาทุกข์ของราษฎรร่วมแผ่นดิน แม้แต่ไปช่วยช้าง ช่วยสรรพสัตว์ หมาแมว แพะ หมู โคกระบือกันอย่างน่ายกย่อง

            แม้ภัยผ่านพ้น แต่เหล่าผู้คนทุกอายุเพศวัยก็ยังเวียนเปลี่ยนพลังกันไปช่วยล้างบ้านล้างโคลนกันตลอดวันตลอดคืน ที่แม่สาย ที่แม่แตง และอีกหลายต่อหลายที่

            นี่มิใช่หรือ ที่เราเห็นพ้องในประโยคทองที่มีการทักบอกกันในระหว่างงานพระราชพิธีออกพระเมรุว่า

            ”..พ่อไม่เคยสอนให้เรารักพ่อ..แต่พ่อสอนให้เรา....รักกัน..”

            สิ่งที่อาสาสมัครสารพัดกลุ่ม จับมือกันออกช่วยเหลือทำประโยชน์ให้กัน โดยไม่รู้จักกัน อย่างไม่รู้เน็ดรู้เหนื่อยนี่เอง...คือสิ่งที่พ่อคงอยากเห็นมาตลอดพระชนม์ชีพ

            พ่อสอนให้เราทุกคนรู้เรื่องน้ำมามาก ทั้งแก้มลิง ทั้งการเบี่ยงน้ำ ทั้งการทดน้ำ เก็บน้ำ สร้างอ่าง สร้างฝาย ตีน้ำขังด้วยกังหันชัยพัฒนา สอนให้รู้จักใช้น้ำดันน้ำ ที่สำคัญยิ่ง คือทรงทำให้ดู 

            ทรงธรรมให้ประจักษ์มายาวนาน

            บ้านเมืองจึงร่มเย็น

            ลมหนาวเริ่มมาแล้ว 

            ขอน้อมเกล้าน้อมกระหม่อม กราบถวายความสำนึกระลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณของพระองค์ท่านที่อยู่บนฟ้า และยังคงทำให้เราทุกคนก็ยังคง

            ”..เย็นศิระ เพราะพระบริบาล..”

ข่าวอื่นๆ ที่น่าสนใจ